ส่องวิชั่น “มาดามแป้ง” ฝ่าวิกฤต “โควิด” ยันไม่ปลดพนักงาน

ในงานสัมมนา “จุฬาฯธุรกิจพิชิตโควิด-19” ซึ่งจัดโดยคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านทางแอปพลิเคชั่น ZOOM เมื่อวันศุกร์ที่ 24 เม.ย.63 ที่ผ่านมา หนึ่งในวิทยากรคนสำคัญคือ “มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ” นิสิตรุ่น 44 ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันภัย” และประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ รวมถึงยังเป็นผู้นำเข้าแบรนด์กระเป๋าระดับโลกอย่าง Hermes ปัจจุบันด้วยวัย 54 ปี แต่ยังสวยสง่าไม่เปลี่ยนแปลง วันนี้ประชาชาติได้ถอดแนวคิดในการขับเคลื่อนธุรกิจและบริหารคนเพื่อเดินหน้าฝ่าวิกฤตโควิด-19

Q: โควิด-19 ส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย แต่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไม่แพ้กัน ในมุมมองนักธุรกิจปัญหาอะไรที่ต้องจับตาและให้ความสำคัญ?

นางนวลพรรณ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นเหมือน wake up call ให้กับคนทั้งโลก ซึ่งจริงๆ แล้วโรคระบาดเกิดขึ้นมาตลอด เมื่อ 100 กว่าปีที่แล้วไข้หวัดสเปนคนล้มตายเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในยุโรป เอาง่ายๆเมื่อปี 1997 มีการประกาศเป็นการระบาดของ H2N2 ซึ่งถูกรายงานว่าเกิดขึ้นในสิงคโปร์ และต่อไปที่ฮ่องกง แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลกรุนแรงเหมือนโควิด-19 เพราะสถานการณ์ตอนนี้เป็นการแก้ปัญหากับคนทั่วโลก ซึ่งช่วงแรกทุกคนกลัวติดเชื้อโควิด แต่ถ้าพิจารณาจากงานวิจัยหรือสุ่มตัวอย่างจะพบว่า สิ่งที่คนกลัวกว่าคือ คนกลัวตกงาน และการไม่มีรายได้ เพราะฉะนั้นสถานการณ์คงขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะบรรเทาผลกระทบให้เบาบางลงได้อย่างไร

ปัจจุบันการดำรงตนให้มีความบาลานด์ค่อนข้างยากว่าจะจำกัดไม่ให้การติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้อย่างไร กับการล็อกดาวน์เมือง ซึ่งการปิดเมืองไปนานๆ แน่นอนว่าอาจจะทำให้ผู้ติดเชื้อไม่เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันหลายทุกธุรกิจก็ทนผลกระทบตรงนี้ยาวๆ ไม่ได้ ด้วยกฎอุปสงค์-อุปทาน หากลากยาวไปจนถึง มิ.ย.-ก.ค.63 ต้องมีธุรกิจล้มหายตายจากแน่นอน

เพราะฉะนั้นวันนี้ปัจจัยที่เรายังตอบไม่ได้เลยคือ “ความไม่แน่นอน” เพราะไม่ทราบว่าสถานการณ์จะจบเมื่อไหร่ การผลิตวัคซีน ขณะนี้ทุกประเทศพยายามใช้ภูมิปัญญาของตัวเองมาคิดค้นว่าใครทำสำเร็จก่อน ซึ่งในมุมคนทำประกันอย่างแป้งเอง มองการบริหารทุกความเสี่ยง และเชื่อว่าสถานการณ์โควิดอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีกว่าวัคซีนจะสำเร็จ และหยุดการระบาดได้ แต่ตอนนี้จะจับมือกันอย่างไรที่จะอยู่กันได้

โดยโมเดลในการแก้ปัญหาในจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป ไม่สามารถเอามาล้อกันได้เลย โดยทุกประเทศต้องแก้ปัญหาในแนวทางของตัวเอง ซึ่งประเทศไทยมีทางออกหลายทางที่อาจจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีทรัพย์ในดิน หินในน้ำ เพราะฉะนั้นเรื่องอาหารการกิน เป็นสิ่งที่ไม่ได้ยากลำบาก เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศที่ต้องพึ่งพาเรื่องอาหาร และมีหลายอาชีพที่จะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าหลายธุรกิจกำลังพยายามประคองตัว

อย่างไรก็ดีตอนนี้ “เมืองไทยประกันภัย” ยังไม่มีการเลฟ์ออฟคนออก แต่ประกาศไม่จ่ายโอที เพื่อให้ธุรกิจเกิดความบาลานด์ ขณะเดียวกันเนื่องจากแป้งสวมหมวกหลายบทบาท ในฐานะ “ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ” ที่ต้องจ่ายค่าตัวและเงินเดือนนักฟุตบอลที่แพงมาก ปัจจุบันหลายสโมสรทั่วโลกก็ลดค่าตัวลง เพื่อแลกกับการทำงานที่บ้าน (Work Form Home) เพราะวันนี้แป้งเชื่อว่าการทำให้บริษัทหรือสโมสรอยู่รอด ทุกคนต้องต่อสู้กับโควิดด้วยความเป็น team player

Q: ต้องทำอย่างไรต่อในช่วงสั้นๆ ทั้งสภาพคล่อง รักษาลูกค้า หรือบริหารพนักงาน?

นางนวลพรรณ กล่าวต่อว่า ย้อนกลับไปสมัยปี 2540 ที่แป้งได้ร่วมทุน(JV) กับฝรั่งเศสเปิดร้าน Hermes ครั้งแรกในประเทศ โดยทำสัญญาเมื่อเดือน พ.ค.2540 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ขณะนั้นต่างชาติให้แป้งทำรับประกันความเสี่ยงด้วยค่าเงินฟรังก์กับค่าเงินบาท (Hedging guarantee) ซึ่งในวันนั้นพอทำเสร็จช่วงเดือน ส.ค.2540 เงินบาทแข็งค่าขึ้น แป้งกลับมีกำไรทันที แต่เหตุการณ์วิกฤต “ต้มยำกุ้ง” เป็นสิ่งที่กระทบเฉพาะในประเทศไทย แต่ในทุกวิกฤตแป้งเชื่อว่ามีโอกาส ต้องคิดแบบ Out of the box

อย่างธุรกิจประกันช่องทางโทรศัพท์ (telesale) ในยามนี้ก็สามารถกลับมาเติบโตได้ดี นอกจากช่องทางดิจิทัลแล้ว แน่นอนว่าวิกฤตดังกล่าวทำให้คนต้องนึกถึงเพียงปัจจัย 4 เท่านั้น ฉะนั้นทุกธุรกิจรวมถึงประกันภัยด้วยก็จะได้รับผลกระทบ และยิ่งไปกว่านั้นรายได้จากการลงทุนของธุรกิจประกันหาผลตอบแทนได้ยาก รวมทั้งความไม่แน่นอนในราคาหุ้นด้วย แต่ถามว่าทำไมประกันสุขภาพหรือประกันโควิดถึงขายดี เพราะะวันนี้คนกลับมามองเรื่องความกลัวที่จะป่วยหรือติดเชื้อ และต้องการเงินไว้รักษา จึงเลือกซื้อทั้งแบบเจอจ่ายจบและขั้นรักษาโคม่ากันค่อนข้างมาก


“วันนี้มุมมองของทุกคนเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในไทยอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะกลายเป็นสังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ ถามว่าถ้าเราผ่านโควิดไปได้ แล้วมีโรคระบาดใหม่อีกและกระทบหนักกับผู้สูงอายุ เราเตรียมการเรื่องเหล่านี้อย่างไร” มาดามแป้งกล่าว