“อุตตม” ปักธงจ่ายเยียวยาคนไทยกว่า 50 ล้านคน

อุตตม เผยรัฐเล็งเยียวยาประชาชนครอบคลุม 50 ล้านคน ชี้ใช้เงินกู้แล้วกว่า 3.5 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือเก็บไว้เยียวยาต่อ พร้อมเปิดรับเรื่องเรียนเยียวบา 5พันบาทไปที่ “ธ.ก.ส.-ออมสิน-กรุงไทย” เริ่ม 18-29 พ.ค.นี้ ด้านกลุ่มลงทะเบียนไม่สำเร็จคัดกรองแล้วเหลือ 1.1 ล้านคน เร่งช่วยเหลือเร็วๆ นี้

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม เพื่อให้การดูแลครอบคลุมประชาชน 40-50 ล้านคน โดยขณะนี้รัฐบาลดูแลประชาชนแล้วกว่า 36 ล้านคน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มประกันสังคม 10-11 ล้านคน อาชีพอิสระ 15 ล้านคน และเกษตรกร 10 ล้านคน ใช้งบประมาณผ่านพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในก้อนเงิน 6 แสนล้านบาท เพื่อดูแลด้านการสาธารณสุขและด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว 3.5 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2 แสนล้านบาท จะเก็บไว้ก่อนเผื่อใช้ในการเยียวยาต่อไป

“ยังมีประชาชนที่ไม่เข้าข่าย 3 กลุ่มดังกล่าว กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาแนวทางดูแลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะต้องมีมาตรการเสริมหรือไม่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นรูปแบบเดียวกันกับการจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท อย่างกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ก็กำลังพิจารณามาตรการดูแลกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มชายขอบรวมกว่า 10 ล้านคน” นายอุตตม กล่าว

ขณะที่การเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ส่วนหนึ่งก็สามารถไปใช้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 5 แสนล้านบาทได้ ส่วนเอสเอ็มอีรายย่อย (ไมโครเอสเอ็มอี) ก็พยายามดูแลกลุ่มนี้เพิ่มเติม เนื่องจากเข้าไม่ถึงแหล่งทุน จะมีการนำมาตรการมาช่วยเหลือผู้ประกอบการส่วนนี้ด้วย เบื้องต้นจะพิจารณาแนวทางเป็นรูปแบบกองทุน ส่วนจำนวนเงินเท่าไหร่นั้น วงเงินไม่ถึงจำนวน 2 แสนล้านบาทแน่นอน อาจจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า

ส่วนการรับเรื่องร้องเรียนเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งวันนี้กระทรวงการคลังจะปิดตั้งโต๊ะรับเรื่องที่กรมประชาสัมพันธ์นั้น ได้มีการขยายไปยังธนาคารต่างๆ โดยเฉพาะธนาคารแห่งรัฐ ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารกรุงไทย จะเปิดรับเรื่องร้องเรียนปัญหาต่างๆ ของมาตรการรับเงินเยียวยา 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ค.63 เนื่องจากพบว่าส่วนใหญ่ประชาชนที่เดินทางมาร้องเรียนประสบปัญหาติดขัดในเรื่องบัญชีและพร้อมเพย์ ซึ่งผู้ที่จะช่วยเหลือได้ดีคือธนาคาร จึงอยากให้ประชาชนเดินทางไปที่สาขาธนาคารโดยตรง

ด้านกลุ่มลงทะเบียนไม่สำเร็จ 1.7 ล้านคน กระทรวงการคลังได้คัดแยกออกมาเป็นกลุ่ม ว่าประสบปัญหาจากเรื่องใด อาจจะเป็นชื่อ นามสกุล หรือเลขบัตรไม่ถูกต้อง และจะนำมาดูแลทบทวนอีกครั้ง หากผ่านเกณฑ์ก็จะได้รับเงิน 5,000 บาท โดยจะเร่งสรุปให้แล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ เบื้องต้น จากการคัดกรองทราบว่าขณะนี้กลุ่มที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ เหลือเพียง 1.1 ล้านคนแล้ว เนื่องจากบางส่วนเข้าข่ายรับเงินเยียวยาเกษตรกร

ทั้งนี้ ระยะต่อไปจะมีการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มจาก 3 เดือน เป็น 6 เดือนหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องที่ติดตามประกอบกับสถานการณ์วิด-19 และรัฐบาลต้องเป็นผู้ดูแลตัดสินใจว่าเป็นอย่างไร แต่นายกรัฐมนตรีให้ทุกฝ่ายติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่เฉพาะกระทรวงการคลัง หากสถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร มีมาตรการเพิ่มเติมเสริมหรือไม่ ขณะนี้กำลังพิจารณา โดยจะต้องพิจารณาประกอบกับงบประมาณด้วย