จับตาสงครามการค้า “สหรัฐ-จีน” จะทำให้ราคาทองคำผันผวน

บทวิเคราะห์ ราคาทองคำ YLG Bullion
คอลัมน์ สถานีลงทุน โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ราคาทองคำ spot เดือนเมษายนปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี ที่ 1,746 ดอลลาร์ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยหนุนหลักต่อราคาทองคำ ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

โดย IMF คาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกปีนี้จะหดตัว 3% โดยจะหดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (great depression) ในช่วงทศวรรษ 1930 สะท้อนจากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่อ่อนแอ โดยจีดีพีของสหรัฐในไตรมาส 1 หดตัวลง 4.8% ขณะที่ในไตรมาส 2 มีการคาดการณ์จะหดตัวลงถึง 30-40% ซึ่งจะเป็นการลดลงรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

คนว่างงานในสหรัฐสูงถึงระดับ 33.5 ล้านราย ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์ในรัฐต่าง ๆ ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้อัตราการว่างงานเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 14.7%

นอกจากนี้ ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ และกองทุนอีทีเอฟทองคำทั่วโลกซื้อทองเพิ่มขึ้นถึง 170 ตัน ในเดือนเมษายน เมื่อดูตัวเลขยอดซื้อทองสุทธิ 12 เดือนย้อนหลังสูงถึง 879 ตัน สูงมากกว่าในปี 2552 และ 2559 ณ สิ้นเดือนเมษายน กองทุนอีทีเอฟทองคำถือครองทองคำทั้งสิ้น 3,355 ตัน

ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม สถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนกลับมาตึงเครียด ซึ่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐและจีนได้มีการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ และส่งสัญญาณจะเจรจาการค้าเฟส 2 ระหว่างกัน ทำให้สงครามที่เคยดุเดือดกันมาตลอด 1-2 ปีก็เริ่มแผ่วบางลง และจับตาของการบรรลุการเจรจาการค้าเฟส 2 รวมทั้งมีวิกฤตไวรัสโควิด-19 เข้ามาด้วย

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวโทษจีนว่าเป็นสาเหตุของการระบาดของไวรัสโควิด ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะตกต่ำ และจีนอาจต้องการทำให้ตนเองแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงปลายปีนี้ ล่าสุดประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า สหรัฐจะตรวจสอบว่าจีนซื้อสินค้าจากสหรัฐตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกหรือไม่

ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จีนตกลงจะซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเวลา 2 ปี โดยแบ่งเป็น 77,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีแรก และ 123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ 2 แต่จากวิกฤตไวรัสโควิด-19 กระทบต่อเศรษฐกิจจีน และอาจทำให้จีนจะไม่สามารถนำเข้าสินค้าจากสหรัฐได้ตามข้อตกลง ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐอาจจะเดินเกมสงครามการค้าอีกครั้ง และอาจจะทำให้ตลาดกังวลว่าจะซ้ำเติมเศรษฐกิจทั่วโลก

นอกจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ประเด็นที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำยังเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่หลายประเทศมองว่าได้ผ่านจุดวิกฤตที่สุดไปแล้ว ทำให้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง ที่ทำให้กลายเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ แต่ที่น่าจับตามอง คือ การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ว่าจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน หลังจากมีการเปิดเศรษฐกิจ

ราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม คาดว่าจะมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบเข้ามา คาดการณ์ว่า แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,740 ดอลลาร์ สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทองคำ spot ปรับลงมาที่ 1,670 ดอลลาร์ และ 1,650 ดอลลาร์ และแนะนำขายทำกำไรราคาทองคำ spot ที่ 1,720 ดอลลาร์ และ 1,740 ดอลลาร์