ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (25 พ.ค.) ที่ระดับ 31.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 31.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับสัปดาห์นี้ (25-29 พ.ค.) เชื่อว่าตลาดจะซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน การประท้วงที่ฮ่องกง และการเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเว้นระยะห่างทางสังคมในหลายประเทศ
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
อย่างไรก็ดี ตลาดจะเริ่มสัปดาห์ด้วยความผันผวนต่ำ เพราะวันจันทร์ (25 พ.ค.) เป็นวันหยุดทำการ Memorial Day เมื่อกลับมาเปิดทำการ ตลาดน่าจะมองทิศทางของตราสารหนี้ (บอนด์) สหรัฐเป็นหลัก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) 10 ปี เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ 0.65-0.74% เท่านั้น ซึ่งถ้ายีลด์เคลื่อนไหวไม่ว่าฝั่งขึ้นหรือลง ถึงจะส่งผลให้ราคาทองคำ และเงินดอลลาร์ขยับตัวตาม
ส่วนในวันพุธ (27 พ.ค.) ความน่าสนใจก็จะย้ายไปอยู่ในฝั่งของยุโรปโดยประธาน ECB นางคริสตีน ลาการ์ด จะมีการตอบคำถามในทวิตเตอร์ #AskECB ซึ่งตลาดมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายในเดือนหน้า
ขณะที่ฝั่งของตลาดเงินเอเชีย ความสนใจจะไปรวมอยู่ที่ทิศทางค่าเงินหยวนในภาวะที่มีความขัดแย้งทางการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศมากมาย ซึ่งหนุนให้เงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับ 7.14 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน
“เรามองว่าจุดอ่อนหลักของสกุลเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียในรอบนี้ อยู่ที่ภาคการค้าระหว่างประเทศที่จะไม่กลับมาเหมือนเดิม ขณะเดียวกันปัญหาการประท้วงในฮ่องกง ก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้น จนอาจลดความน่าสนใจของสกุลเงินเอเชียที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไปด้วย” ดร.จิติพลกล่าว
อย่างไรก็ดีในฝั่งของเงินบาท ต้องจับตาการประกาศดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ของไทยในวันศุกร์ (29 พ.ค.) เพราะตัวเลขการค้า มีการนำเข้าเชื้อเพลิงที่ลดลงและการส่งออกทองคำเข้ามาหนุน ระยะนี้จึงมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินเอเชียอื่น ถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวกสูง
“ขณะเดียวกันแนวโน้มการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนก็อยู่ในดับต่ำกว่าทุกปี จึงทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าตามฤดูกาล เหลือเพียงทิศทางการซื้อเงินดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการในประเทศจากต่างชาติของนักลงทุนไทยเท่านั้นที่อาจผลักให้เงินบาทกลับไปอ่อนค่าในระยะสั้นได้” ดร.จิติพลกล่าว