แบงก์ดิ้นหารายได้กู้ชีพค่าฟีวูบ โอดเอฟเฟกต์พร้อมเพย์-คิวอาร์โค้ด-EDC

แบงก์พาณิชย์สะเทือน พร้อมเพย์-คิวอาร์โค้ดมา รายได้ค่าฟีหด เร่งหารายได้อื่นชดเชย ล่าสุดกสิกรฯรับค่าฟีปีนี้โตเหลือแค่ 2% จากปีก่อนโต 5-7% ด้านธนชาต รับเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ป้อนลูกค้า ป้องกันค่าฟีลดลงในอนาคต

นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปี 2560 นี้ทางธนาคารคาดว่าจะมีรายได้ในส่วนค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) เติบโต 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่รายได้ค่าธรรมเนียมมีการเติบโต 5-7% โดยรายได้ค่าฟีที่ลดลง เป็นผลจากนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐและหลายปัจจัย เช่น ผลกระทบจากพร้อมเพย์ หรือระบบการชำระเงินผ่าน QR Code ซึ่งคาดว่าผลกระทบดังกล่าวน่าจะต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ที่อาจเห็นค่าฟีของธนาคารปรับลดลงต่อเนื่อง

พัชร สมะลาภา

“ปัญหาใหญ่ของธนาคารตอนนี้คือเรื่องรายได้ค่าฟีลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ ทั้งพร้อมเพย์ QR Code ที่เข้ามาทำธุรกรรมเหล่านี้ไม่มีค่าฟี ถ้าคนใช้มากขึ้น อาจมีผลกระทบให้คนใช้บัตรเครดิตลดลง ค่าฟีของธนาคารอาจจะหาย เครื่อง EDC ก็มีการแข่งขันสูง รวมถึงรายได้จากการขายประกันลดลง เพราะคนเริ่มมีประกันหมดแล้ว เลยเป็นทิศทางว่าปีหน้าค่าฟีอาจจะลดลงไปอีก ซึ่งทุกธนาคารก็ต้องเน้นมาให้บริการลูกค้าให้ดีและสะดวก และหาทางลดต้นทุนมากขึ้น” นายพัชรกล่าว

ด้านนางธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ธุรกิจลูกค้ารายย่อย ธนาคารธนชาต กล่าวว่า แม้ว่าแนวโน้มรายได้ค่าฟีของธนาคารจะลดลงในอนาคต จากการที่ประชาชนหันไปใช้พร้อมเพย์ หรือธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น แต่ปีนี้ ธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากค่าฟีที่ลดลง เนื่องจากธนาคารมีการหารายได้ค่าฟีอื่น ๆ เข้ามาช่วยชดเชย เช่น การเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ จากการออกบัตรเดบิตใหม่ หรือการออกบัญชีออมทรัพย์ธนชาต Smart Solution

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าฟีหลังจากสินเชื่อรถยนต์ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นด้วย ซึ่งทำให้มีรายได้ค่าฟีเข้าประคองรายได้ค่าฟีในส่วนที่หายไปได้ ดังนั้นคาดว่าปีนี้รายได้ค่าฟีของธนาคารน่าจะยังเติบโตได้ 2 หลัก

“ทิศทางรายได้ค่าฟี อาจปรับลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะมีผลกระทบจากหลายด้าน เช่น การโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ขณะที่ในส่วนของธนชาตก็มีการปรับลดค่าฟีลงบางส่วน จากธุรกรรมการโอนเงินรายย่อยข้ามธนาคาร (Online Retail Funds Transfer : ORFT) ที่เป็นบัญชีฟรีเว่อร์ เพื่อให้ลูกค้าโอนเงินแบบไม่เสียค่าฟี ทางธนาคารจึงต้องหารายได้อื่น ๆ เข้ามาชดเชย เช่น เสนอกองทุนที่ตอบสนองลูกค้าโดยให้ผลตอบแทนที่ดี หรือแบบประกันที่สอดรับกับเรื่องภาษี และภาษีมรดก”

นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากจุดยืนของธนาคาร คือเน้นฐานลูกค้าเวลท์ ทำให้ธนาคารได้รายได้ค่าฟีส่วนใหญ่มาจากกองทุนรวม ซึ่งปีนี้ยังมีการเติบโตที่ดีตามฐานลูกค้าเวลท์ เช่น กลุ่มลูกค้าซิตี้โกลด์ ที่มีสินทรัพย์กับธนาคารตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป ปี 2560 คาดว่าจะเติบโต 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน

“ล่าสุดเราขยายการบริการให้เข้าถึงกลุ่มเวลท์ โดยเปิด “Citigold Wealth Center” ที่สาขาคริสตัล เวอร์รันด้า เป็นทำเลที่เข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ นอกจากนี้ทางธนาคารยังเพิ่มเครื่องมือบนแก็ดเจตของลูกค้า เช่น Total Wealth Advisors (TWA) และ Citi Fund Explorer ให้ลูกค้าวางแผนการเงิน ที่สามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบกองทุนรวมทั้งในและต่างประเทศ ให้ลูกค้าวางแผนการลงทุนง่ายขึ้น” นางวีระอนงค์กล่าว