ไวรัสฉุดค่าฟีแบงก์ทั้งปี-2% “วิจัยกสิกรฯ”ชี้Q2หนักสุด

แบงก์อ่วม “ล็อกดาวน์โควิด-กำลังซื้อวูบ”ฉุดรายได้ค่าธรรมเนียม “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินไตรมาส 2 ส่อทรุดหนักกว่าไตรมาสแรกที่ติดลบไปแล้ว1.5% คาดกดรายได้ค่าฟีทั้งปีติดลบ 2% ขณะที่แบงก์ “กสิกรไทย-กรุงศรีฯ”ชี้เกณฑ์ใหม่ ธปท.ให้คิดดอกเบี้ยปรับผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ไม่กระทบ เหตุเป็นช่วง “พักหนี้” พอดี

นางสาวธัญญลักษณ์ วัชระชัยสุรพลรองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/2563 ค่อนข้างมีภาพที่น่ากังวลมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และมีการล็อกดาวน์ ซึ่งกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงธุรกรรมการเงิน โดยเฉพาะการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสาขาบางส่วน จึงมีผลกระทบทำให้ปริมาณธุรกรรมลดลงไปด้วย

โดยจากการประมาณการคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมของแบงก์ในไตรมาส 2 จะถูกผลกระทบหนักที่สุด ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2563 รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะติดลบ 1-2% จากไตรมาส 1/2563 ที่ติดลบไปแล้ว 1.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เรามองว่ารายได้ค่าธรรมเนียมมีโอกาสติดลบหนักสุดในไตรมาส 2 เพราะไม่มีกำลังซื้อ และการปิดเมืองกระทบกิจกรรมการขายของแบงก์ แม้ว่าจะเห็นยอดขายประกันสุขภาพที่คุ้มครองโควิด-12 มากขึ้น แต่ปริมาณเบี้ยที่ได้รับยังไม่สามารถชดเชยรายได้อื่น เพราะตอนนี้อย่าลืมว่ารายได้จากธุรกรรมการโอนเงินไม่มีอยู่แล้ว” นางสาวธัญญลักษณ์กล่าว

ขณะที่หลังจากวันที่ 1 พ.ค. 2563 ที่เริ่มมีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่ที่คิดบนฐานเงินต้นของค่างวดที่ผิดนัดชำระจริง จากเดิมที่คิดจากเงินต้นคงค้างทั้งหมดตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น ในแง่ผลกระทบอาจจะผ่อนคลายลงไปจากเดิมที่เคยประเมินว่า จะมีผลกระทบทำให้รายได้ของแบงก์ลดลงค่อนข้างมาก เนื่องจากการมีการทำมาตรการพักชำระหนี้ให้ลูกค้ารายย่อยและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ทำให้ไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยอยู่แล้ว

“เนื่องจากอยู่ในระหว่างการพักชำระหนี้ โอกาสที่จะถูกใช้คำว่าผิดนัดชำระหนี้มีลดน้อยลงไปมาก แต่จะมีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบรายได้ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยมากกว่า เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เลื่อนการชำระหนี้ คุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งจะทำให้การได้รับดอกเบี้ยลดทอนลงไป” นางสาวธัญญลักษณ์กล่าว

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ค่าธรรมเนียมของแบงก์อาจจะปรับลดลงซึ่งเป็นไปทั้งระบบสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ โดยภายในเดือน มิ.ย.นี้ ธนาคารจะมีการทบทวนและปรับกรอบเป้าหมายธุรกิจปีนี้ใหม่

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตอนนี้ธนาคารเตรียมระบบการคำนวณเบี้ยปรับบนฐานใหม่เป็นไปตามแนวทาง ธปท.แล้ว ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยบางส่วนเป็นหลักหลายร้อยล้านบาท

นอกจากนี้ รายได้ดอกเบี้ยที่ได้รับจากการผิดนัดชำระหนี้เป็นรายได้ในสัดส่วนที่น้อยมาก เนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่กำหนดไว้เพื่อให้ลูกค้ามีวินัยในการชำระหนี้แต่หากลูกค้ามีปัญหา ธนาคารก็จะยกเว้นให้หรือลดเบี้ยปรับให้อยู่แล้ว ประกอบกับในช่วงที่มีมาตรการพักชำระหนี้ช่วงโควิดสถานะหนี้ของลูกค้าก็จะไม่มีการผิดนัดชำระทำให้รายได้จากเบี้ยปรับหายไปโดยอัตโนมัติ

นายพงษ์อนันต์ ธณัติไตร ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจรายย่อย และเครือข่ายการขาย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าธนาคารได้สำรวจผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย พบว่ากระทบไม่มากนัก เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีลูกค้าที่ชำระล่าช้าค่อนข้างน้อย แม้ว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จะปรับเพิ่มขึ้นแต่เป็นไปตามสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ประกอบกับมีมาตรการพักชำระหนี้ก็จะไม่มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้อยู่แล้ว