หุ้นไทยย่ำฐาน ต่างชาติขาย โบรกฯปรับเป้าดัชนีรับ ศก.ฟื้น

An electronic board shows stock movements at a private trading firm in Bangkok on December 1, 2011. Asian markets soared on December 1 after the world's top central banks took action to boost liquidity for the gummed-up financial system and China cut the amount of cash lenders must hold in reserve. Bangkok rose 2.39 percent or 23.82 points to 1,019.15. AFP PHOTO/Joan Manuel BALIELLAS

เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังยืนแกว่งเหนือระดับ 1,650 จุด โดยล่าสุด (28 ก.ย. 60) ดัชนีปิดตลาดอยู่ที่ 1,666.36 จุด ท่ามกลางกระแสเงินร้อนต่างชาติที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรหนักในเดือน ก.ย.นี้ โดยดัชนีปรับตัวขึ้นราว 50.2 จุด หรือ 3.1 %

จากสิ้น ส.ค.ที่ดัชนีปิด 1616.16 จุด ขณะที่เงินต่างชาติในช่วงเดือน ก.ย. (1-27 ก.ย.) มียอดซื้อสุทธิราว 1 หมื่นล้านบาท แต่หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยชัดเจนในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้เกิดแรงขายสุทธิในวันที่ 28 ก.ย. 60 ราว 2.8 พันล้านบาท ทำให้เดือน ก.ย. 60 มียอดซื้อสุทธิลดลงเหลือราว 7.2 พันล้านบาท

ขณะที่ “นางภรณี ทองเย็น” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยภายในปีนี้น่าจะอยู่บริเวณ 1,670-1,673 จุด ซึ่งหากย้อนดูสถิติในอดีตปี 2536 พบว่า บริเวณระดับแนวต้านที่ 1,689 จุด ถือเป็นจุดไฮเดิมที่ขยับขึ้นไปยากมาก

ทั้งนี้ปัจจุบัน การถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบกว่า 14 ปี ล่าสุดเดือน ส.ค. 2560 มียอดปิดโอนทะเบียนเป็นชื่อนักลงทุนต่างชาติ 24.16% รวมทั้งการซื้อ-ขายสุทธิสะสมของนักลงทุนต่างชาติที่เป็นมูลค่าตลาดก็ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับช่วงปี 2552 จนถึงกลางปี 2556 ที่ต่างชาติซื้อสะสมหุ้นไทยคิดเป็นมูลค่าตลาด 4.7 แสนล้านบาท แต่หลังจากนั้นขายออกต่อเนื่องจนมูลค่าซื้อสุทธิสะสมเข้าใกล้ศูนย์ช่วงปลายปี 2558 จากนั้นก็เห็นแรงซื้อกลับเข้ามาเพียงเล็กน้อยในปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งมยอดซื้อสุทธสะสมอยู่ที่ราว 1.12 แสนล้านบาท ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับ 4.7 แสนล้านบาท สะท้อนว่าการถือครองหุ้นของต่างชตในตลดหุ้นไทยอยู่ในภวะที่ under-owned

นางภรณีกล่าวว่า ขณะที่ปัจจุบันแรงหนุนาคาหุ้นไทยให้ปรับขึ้นก็ไม่มากนัก เมื่อเทียบตลาดหุ้นภูมิภาคภายใต้ค่า P/E (อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น) 15-16 เท่า โดยเศรษฐกิจไทยเริ่มขยายตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 3.5% ทำให้ดัชนีมีโอกาสยืนต่อไปได้ โดยช่วงที่เหลือปีนี้มีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ 1,700 จุด

สำหรับปี 2561 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4% จากแรงบวกของภาคส่งออก การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการลงทุนเอกชนเร่งตัวขึ้น ทำให้ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่บริเวณ 1,766-1,822 จุด บน P/E 16-16.5 เท่า ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกาะไปกับภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว คือ ธนาคารพาณิชย์ นิคมอุตสาหกรรรม รับเหมาก่อสร้าง ขนส่ง ค้าปลีก เกษตร โรงแรม และพลังงาน

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทยระบุว่า นักลงทุนต่างชาติเริ่มทยอยขายทำกำไรในหุ้นไทย หลังจากที่ได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว พร้อมกับเริ่มปรับพอร์ตลงทุนของรอบช่วงปลายปีกัน

ADVERTISMENT

โดยจะมีการกระจายความเสี่ยงไปลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ ในประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามกสิกรฯได้มีการปรับเป้าหมายดัชนีในปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,640-1,700 จุด ภายใต้การคาดการณ์เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวถึง 4% โดยกลยุทธ์ลงทุนแนะนำซื้อตามดัชนีในกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค

ส่วนปีหน้าคาดการณืเป้าหมายดัชนีที่ระดับ 1,760 จุด ภายใต้คาดการณืกำไรโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนปี 2560 ที่คาดอยู่ที่ 9.9 แสนล้านบาท