“ทิพยฯ” เล็งซื้อประกันไซซ์เล็ก ควักพันล้านช้อนหุ้นปั้นกำไรปลายปี

สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)

“ทิพยประกันภัย” จับจังหวะวิกฤตโควิด-19 จ้องเทกโอเวอร์กิจการประกันภัยรายเล็ก แย้มสเป็กสนใจบริษัทไซซ์ราว 400-500 ล้านบาท หวังปั้นพอร์ตใหม่ลุย “ประกันภัยดิจิทัล” เต็มสูบ ปักธงปีหน้าชัดเจน พร้อมกางแผนลงทุนครึ่งปีหลังนี้ เตรียมทุ่มเงินหลายพันล้านบาทซื้อหุ้นเข้าพอร์ต โฟกัสกลุ่ม SET100 เซ็กเตอร์ “เฮลท์แคร์-โครงสร้างพื้นฐาน-แบงก์” ระดับ P/E ไม่เกิน 12 เท่า

นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเข้าไปซื้อกิจการบริษัทประกันภัยขนาดเล็กขนาดประมาณ 400-500 ล้านบาท เข้ามาเป็นบริษัทลูก เพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจประกันภัยดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายบริษัทที่อยู่ในความสนใจ โดยในภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการจะเข้าไปซื้อกิจการเนื่องจากสามารถเจรจาต่อรองราคาได้

ขณะเดียวกัน การที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอยก็เป็นแรงกดดันให้ตลาดประกันภัยโดยรวมตกอยู่ในสภาวะชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงก็อาจทำให้หลายบริษัทประกันภัยอยู่ยากขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่ยังค่อนข้างสูงในการพัฒนาระบบรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่

“ที่ผ่านมาเราเคยเข้าไปเจรจา บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย เพราะทิพยประกันภัย เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่อยู่ เพื่อขอแปลงหนี้เป็นทุน แต่ดีลไม่สำเร็จอย่างไรก็ดี เราคาดหวังว่าแผนการซื้อกิจการครั้งนี้จะเห็นชัดเจนภายในปี 2564” นายสมพรกล่าว

นายสมพรกล่าวอีกว่า เมื่อมีบริษัทลูกที่เน้นธุรกิจด้านประกันภัยดิจิทัลแล้ว ตามแผนก็คือ บมจ.ทิพยประกันภัย จะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุน และรับงานประกันภัยต่อ (รีอินชัวเรอร์) จากบริษัทลูก

“เราต้องการเห็นการที่คนสามารถเคลมประกันแบบ D.I.Y. หรือทำเคลมเองได้ โดยไม่ต้องส่งเซอร์เวเยอร์ไปหาลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้การซื้อประกันบนออนไลน์มีเบี้ยที่ถูกลงได้มาก” นายสมพรกล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัย กล่าวถึงแผนการลงทุนปี 2563 นี้ว่า แม้ว่าครึ่งปีแรก บริษัทจะมีกำไรจากการรับประกันภัย ซึ่งเป็นอานิสงส์จากยอดขายประกันภัยโควิด-19 แต่ผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่กระทบตลาดเงิน ตลาดทุน ค่อนข้างผันผวนหนัก จึงกดดันกำไรจากการลงทุนลดลงไปมาก โดยปัจจุบันสินทรัพย์ลงทุนของบริษัทรวมอยู่ที่กว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทต้องปรับพอร์ตลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังใหม่ โดยจะเข้าไปซื้อหุ้นคืนเข้าพอร์ต จากก่อนหน้าที่ขายทำกำไรออกไป โดยพิจารณาเลือกลงทุนหุ้นในกลุ่ม SET100 เป็นหลัก และระดับอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ต้องอยู่ในระดับไม่เกิน 12 เท่า


“ต้องดูสภาพคล่องของหลักทรัพย์นั้น ๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้เราสนใจกลุ่มเฮลท์แคร์ กลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ราคาต่ำลึกลงไป แต่คงต้องดูเป็นรายตัว โดยเตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้หลายพันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเข้าไปลงทุนระยะสั้น เพื่อได้ผลตอบแทนกลับมาแล้วนำไปลงทุนอื่น ๆ ต่อไป” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทิพยประกันภัยกล่าว