ดอลลาร์แข็งค่า หลังสหรัฐเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์นี้

REUTERS/Jo Yong-Hak/File Photo

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์นี้

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า สภาวการณ์เคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 11 สิงหาคม 2563 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/8) ที่ระดับ 31.12/14 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในกรอบแคบจากระดับปิดตลาดในวันจันทร์ (10/8) ที่ระดับ 31.13/15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก เช่น ยูโร เยน รวมถึงสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ นายมนูชินกล่าวว่า ยังคงมีโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตลงกันได้ในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และกฎหมายดังกล่าวจะสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส โดยเขาเน้นย้ำว่า “ถ้าเราสามารถได้รับข้อเสนอที่ยุติธรรมเราก็จะทำข้อตกลงในสัปดาห์นี้ ผมคิดว่าพวกเขาพร้อมที่จะประนีประนอม”

หลังจากนั้นไม่นาน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า การที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเพราะเขาได้ตัดสินใจลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อขยายเวลาการให้เงินช่วยเหลือผู้ว่างงานจนถึงช่วงสิ้นปีนี้ ในอัตรา 400 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ หลังจากประชาชนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด “เป็นเพราะเราได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร จึงทำให้ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นไปเกือบ 380 จุด เห็นได้ชัดว่าตลาดตอบสนองทันที

นอกจากนี้เมื่อคืนที่ผ่านมาสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 518,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.9 ล้านตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.1% จากระดับ 3.9% ในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานลดลง 503,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.7 ล้านตำแหน่ง แต่ก็ยังคงสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเก็บข้อมูลดังกล่าวในปี 2543 ขณะที่อัตราการจ้างงานลดลงสู่ระับ 4.9% จากระดับ 5.4% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

การเพิ่มขึ้นของตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐต่าง ๆ ในสหรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวเลขการลาออกจากงานโดยสมัครใจเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.6 ล้านตำแหน่ง ขณะที่อัตราการลาออกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.9% จากระดับ 1.6% ในเดือนพฤษภาคม สำหรับค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 31.07-31.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และเปิดตลาดที่ระดับ 31.07/09 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้านี้ (11/8) ที่ระดับ 1.1724/26 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวอ่อนค่าลงจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (10/8) ที่ระดับ 1.1758/60 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากที่มีความเป็นไปได้ที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรค่าเงินยูโรออกมาจำนวนมากหลังจากที่แข็งค่ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้

นอกจากนี้แล้ว Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลการสำรวจพบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ภาคธุรกิจของเยอรมนีคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ต่อไปอีก 8 เดือนครึ่ง ท่ามกลางความกังวลของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว

ทั้งนี้ธุรกิจสันทนาการคาดว่ารัฐบาลจะยังคงบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 13 เดือน ส่วนธุรกิจร้านอาหารและจัดส่งอาหาร รวมทั้งธุรกิจด้านศิลปะคาดว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 11 เดือน ส่วนธุรกิจก่อสร้างและการผลิตคาดว่ารัฐบาลจะบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดต่อไปอีก 8.2 เดือน และ 7.8 เดือนตามลำดับ ซึ่งการควบคุมดังกล่าวจะเป็นการขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคต่อไป

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1725-1.1770 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1769/1.1770

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (11/8) ที่ระดับ 106.15/17 ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (10/8) ที่ระดับ 106.00/02 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินเยนอ่อนค่าจากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเมื่อคืน รวมถึงการขายสกุลเงินต่าง ๆ เพื่อลงทุนในตลาดหุ้น หลังจากที่สหรัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 106.00-106.22 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 106.09/11

ดัชนีสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนกรกฎาคมของประเทศสหรัฐ (11/8) ดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหราชอาณาจักร (12/8) ดัชนีราคผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนกรกฎาคมของประเทศสหรัฐ (12/8) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของประเทศสหรัฐ (13/8) ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเดือนกรกฎาคม (14/8) ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retall Sales) เดือนกรกฎาคมของประเทศสหรัฐ (14/8)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ +0.65/+0.80 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ +1.75/+3.50 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ