MINT อ่วมไตรมาส 2 ขาดทุน 8.4 พันล้าน มั่นใจผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ไมเนอร์กรุ๊ป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  13 ส.ค. 2563 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2563 มีผลขาดทุนสุทธิ 8,447 ล้านบาท ถือเป็นการขาดทุนต่อเนื่องไตรมาส1/2563 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1,773 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากการดำเนินธุรกิจอย่างจำกัดของทั้งสามธุรกิจของบริษัท โดยเฉพาะในเดือนเม.ย.และพ.ค. เนื่องจากต้องปิดโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่ทั่วโลกเป็นการชั่วคราว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของและเช่าบริหารลดลงร้อยละ 99

อย่างไรก็ตาม MINT ได้ดำเนินมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรวดเร็วและเข็มงวด โดยในไตรมาส2ที่ผ่านมาสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อน ส่งผลให้ MINT มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในแต่ละเดือน โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับการรักษากระแสเงินสดและสภาพคล่อง ด้วยการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการลงทุน ซึ่งณ สิ้นเดือนก.ค. MINT มีเงินสดในมือประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมกันแล้วจะเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต

จากผลดำเนินงานที่ขาดทุนในไตรมาส2 ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 7.2 พันล้านบาท และช่วงครึ่งปีแรก MINT มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 9.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 2.7 พันล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2562

สำหรับในไตรมาส 3/ 2563 MINT มุ่งมั่นที่จะเร่งการกลับมาเปิดให้บริการธุรกิจในเครืออีกครั้งเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ปรับตัวดีขึ้นและประเทศต่างๆ เริ่มผ่อนคลายมาตรการการปิดประเทศลง

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวว่า ไตรมาส 2 ถือเป็นไตรมาสที่ท้าทายที่สุด ไม่เพียงแต่สำหรับ MINT เท่านั้น แต่รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในภาคการบริการและการท่องเที่ยวทั่วโลก เรามีความผิดหวังกับผลประกอบการในไตรมาส 2 นี้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีการดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน โดยบริษัทมีการดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในช่วงเวลาอันท้าทายนี้ ในขณะเดียวกัน บริษัทได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินและรักษากระแสเงินสด โดยบริษัทเชื่อว่าเราได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว และเมื่อสถาการณ์ของโลกดีขึ้น MINT มีความมุ่งมั่นที่จะกลับมาสร้างการเติบโตของธุรกิจ และกลับมาสร้างผลตอบแทนเชิงบวกให้กับผู้ถือหุ้นอีกครั้ง