เอ็นพีแอลแบงก์รัฐ 2 เดือนปูดแสนล้าน แม้อยู่ในช่วง “พักหนี้” หวั่นเปิดตู้แช่หนี้เสียทะลัก “ธอส.-ออมสิน” นำร่องขยายเวลาพักหนี้ “เอ็กซิมแบงก์” เอาด้วยต่อเวลาต่อลมหายใจเอสเอ็มอี พร้อมเติมเงินทุนหมุนเวียนให้เพิ่มเติม หลังเอ็นพีแอลครึ่งปีแรกพุ่ง 1.77%
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก แม้ว่าสัดส่วนเอ็นพีแอล (NPL ratio) จะดูลดลง แต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือน (เม.ย.-พ.ค. 2563) ที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และรัฐมีมาตรการล็อกดาวน์เมือง พบว่า เอ็นพีแอลแบงก์รัฐขยับขึ้นค่อนข้างมาก โดยในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 108,307 ล้านบาท มาอยู่ที่ 397,449 ล้านบาท จากเดือน มี.ค.ที่ยังอยู่ที่ 289,142 ล้านบาท และในเดือน พ.ค.ก็ยังค่อนข้างทรงตัวที่395,808 ล้านบาท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
ขณะที่สินเชื่อที่ต้องกล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในเดือน เม.ย.อยู่ที่ 287,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,398 ล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า ส่วนเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นอีก 18,957 ล้านบาท มาอยู่ที่ 306,166 ล้านบาท (ดูตาราง) ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.สินเชื่อคงค้างของระบบแบงก์รัฐอยู่ที่ 5,122,837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.31% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และขยายตัว 0.06% จากเดือนก่อนหน้า
“ในด้านความแข็งแกร่ง แบงก์รัฐมี BIS ratio ในเดือน พ.ค.อยู่ที่ 13.87% ถือว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการดำเนินงานในระยะต่อไป” แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า ที่ผ่านมาแบงก์รัฐได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 มาต่อเนื่อง โดยแต่ละแห่งมีมาตรการพักชำระหนี้ 3-6 เดือน ทำให้เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังไม่ใช่ภาพหนี้เสียทั้งหมด เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า ลูกหนี้ที่เข้ามาตรการพักหนี้แล้ว สุดท้ายจะกลับมาชำระได้เป็นปกติทั้งหมดเท่าใด และจะกลายเป็นหนี้เสียเท่าใด
“หนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ยังไม่ใช่ของจริง โดยของจริงต้องดูว่าจบพักหนี้แล้วจะเป็นเอ็นพีแอลกันอีกแค่ไหน ซึ่งก็กลัวกันว่าพอเปิดตู้แช่ออกมาแล้ว หนี้เสียจะเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น แบงก์รัฐแต่ละแห่งก็มีการประกาศขยายเวลามาตรการพักหนี้ออกไปอีก” แหล่งข่าวกล่าว
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้ให้กับเอสเอ็มอีทุกกลุ่ม จากมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้
นอกจากนี้ ยังพิจารณาด้วยว่าจะแยกกลุ่มลูกค้าเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยบางกลุ่มอาจจะให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม เช่น เดิมธนาคารให้สินเชื่อวงเงิน 80% ของเงินทุนหมุนเวียน ก็จะพิจารณาเพิ่มให้เป็น 90% เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้กลายเป็นเอ็นพีแอล ทั้งนี้ เอ็นพีแอลของธนาคาร ณ สิ้นเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 6.37% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่อยู่ระดับ 4.60%
“เรากำลังจัดรูปแบบมาตรการช่วยเหลือลูกค้า เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหนี้เสียเพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางว่าจะยืดหนี้ให้กับลูกค้าออกไปอีกถึงสิ้นปี 2563 หรือยืดหนี้ออกไปอีกจนถึงปีหน้า และธนาคารก็กำลังพิจารณาการแยกกลุ่มช่วยเหลือลูกค้าด้วย เนื่องจากลูกค้าบางกลุ่มแค่ยืดหนี้อย่างเดียวก็สามารถอยู่ได้ แต่ลูกค้าบางกลุ่มจะต้องมีการเติมเงินทุนหมุนเวียนให้กับเขาด้วย” นายพิศิษฐ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาธนาคารมีลูกหนี้ในกลุ่มสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเคหะ และสินเชื่อเอสเอ็มอีที่วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เข้าร่วมมาตรการพักหนี้รวม 3.1 ล้านราย มูลหนี้รวม 1.14 ล้านล้านบาท ซึ่งธนาคารจะต่ออายุมาตรการพักหนี้ออกไปอีกถึงสิ้นปี 2563 นี้ จากมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน ก.ย. โดยที่ผ่านมาเอ็นพีแอลยังไม่ได้เพิ่มมาก เพราะอยู่ในช่วงพักหนี้ แต่ธนาคารก็ได้มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับผลกระทบ
ขณะที่นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า ครึ่งปีแรก ธอส.มีเอ็นพีแอล 56,827 ล้านบาท คิดเป็น 4.52% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ที่มีเอ็นพีแอลอยู่ที่ 4.09% หรือเพิ่มขึ้น 0.43% โดยสำหรับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ที่จะสิ้นสุดในเดือน ต.ค.นั้น ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการ 30 วัน หรือในเดือน ส.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารจะทยอยติดต่อลูกค้า เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต และหาแนวทางช่วยเหลือให้ลูกค้ากลับมามีสถานะบัญชีปกติให้มากที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ ลูกค้า ธอส.ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ลงทะเบียนเข้า “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ผ่าน 8 มาตรการ รวม 475,800 บัญชี วงเงินกู้ 473,951 ล้านบาท โดยมาตรการที่ 5 พักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย 4 เดือน มีลูกค้าลงทะเบียนมากที่สุดถึง 174,598 บัญชี วงเงินกู้ 151,527 ล้านบาท