3 แคนดิเดตชิง ผอ.กองสลาก ลูกหม้อโดดแข่ง 2 คนนอกเคาะชื่อก่อน ม.ค.

พชร อนันตศิลป์

3 ราย ชิงดำผู้อำนวยการสลากฯ ประธานสรรหาเผย “2 คนนอก-1 คนใน” มีลุ้นทุกราย เร่งตรวจคุณสมบัติก่อนสัมภาษณ์ มั่นใจได้คนก่อน ม.ค. 2561 ผอ.สลากฯเผย พ.ร.บ.สลากขยายเวลาประชาพิจารณ์ถึง 15 ต.ค.นี้ พร้อมดิ้นแก้ปมสลาก “รวมชุด” กับ “ขายเกินราคา” วนไป

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่มีการประกาศรับสมัครผู้สนใจเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไป ในช่วงระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-15 ก.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้ที่สนใจยื่นใบสมัครเข้ามาด้วยกันรวม 3 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบคุณสมบัติ ก่อนที่จะกำหนดวันนัดสัมภาษณ์ต่อไป

“มีสมัครเข้ามา 3 คนด้วยกัน โดยเป็นคนนอก 2 คน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์แวดวงการเงินคนหนึ่ง อีกคนทำงานในหน่วยงานรัฐมา และคนที่ 3 เป็นคนจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเอง ส่วนใครจะได้ ก็ต้องบอกว่า คุณสมบัติเท่า ๆ กัน ก็มีลุ้นเท่า ๆ กัน ทั้งนี้ ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งเช็กประวัติอาชญากรรมจากฐานข้อมูลของตำรวจ และคุณสมบัติเบื้องต้นอื่น ๆ หลังจากนั้นก็จะเรียกสัมภาษณ์ รวม ๆ แล้วกระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนที่ผู้อำนวยการคนปัจจุบันจะหมดวาระในเดือน ม.ค. 2561” นายพชรกล่าว

ส่วนความคืบหน้าของการเปิดให้มีการประชาพิจารณ์ร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พลตรีฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า หลังจากสำนักงานสลากฯได้เปิดให้สาธารณชนแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.สลากฯ ช่วงวันที่ 1-15 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ จำนวน 525 ราย และผ่านเว็บไซต์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีผู้เข้าไปอ่านแต่ไม่แสดงความเห็น 140 ราย

นอกจากนี้ มีภาคเอกชนและภาคประชาสังคมส่งความคิดเห็นเป็นเอกสาร 6 ราย และเอกสารจากหน่วยงานของภาครัฐและอื่น ๆ อีก 5 ราย

“อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระบวนการรับฟังความคิดเห็นยังไม่สิ้นสุด สำนักงานสลากฯได้เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ไปจนถึงวันที่ 15 ต.ค. 2560 จึงขอเชิญชวนทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันไปแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้กฎหมายที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด” พลตรีฉลองรัฐกล่าว

ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯกล่าวถึงกรณีที่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา สลากเกินราคาและสลากรวมชุดเริ่มกลับมาสร้างปัญหาอีกครั้งว่า สำนักงานสลากฯได้ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสลากอย่างใกล้ชิด โดยข้อมูลจาก call center พบว่า มีคนร้องเรียนเรื่องสลากเกินราคาสูงขึ้นมากจากปกติเดือนละประมาณ 100 ราย เพิ่มสูงขึ้นเป็นกว่า 500 รายในเดือน ก.ค. และ 800 กว่ารายในเดือน ส.ค.

ขณะที่การจับกุมของเจ้าหน้าที่ พบว่าสลากเกินราคาที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นสลากชุดและมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้จำหน่ายชอบที่จะขายสลากชุดเพราะขายได้ครั้งละหลายใบและหาข้ออ้างในการขายเกินราคาได้ง่ายกว่าสลากใบ รวมถึงการมีผู้ถูกรางวัลที่หนึ่งเป็นสลากรวมชุด ผลทางจิตวิทยาอาจทำให้เกิดความต้องการ (ดีมานด์) เทียมขึ้น ทำให้นายทุนผู้รวมชุดฉวยโอกาสเพิ่มจำนวนและขนาดสลากชุดเข้าตลาด ส่งผลให้ปริมาณสลากฉบับเดี่ยวในตลาดลดลง

นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่ายทั้งของสำนักงานและของสมาคมองค์กรบางคน รวมทั้งผู้ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้า ส่วนหนึ่งนำสลากที่ได้ไปจำหน่ายต่อให้กับคนกลาง ไม่ได้จำหน่ายตรงให้กับประชาชนหรือผู้บริโภคตามที่สำนักงานกำหนด


“จากปัญหาดังกล่าว สำนักงานสลากฯได้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาและสลากรวมชุด (ระยะสั้น) ด้วยการเลื่อนวันรับสลาก รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเพดานจำนวนสลากซื้อและสลากจองวันแรกให้เป็นไปตามที่สำนักงานสลากฯกำหนดในแต่ละคราว รวมถึงประสานผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ให้ดำรงความต่อเนื่องในการตรวจสอบการจำหน่ายอย่างเข้มข้น เพื่อคัดกรองผู้ขายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สัญญา ประกาศ หลักเกณฑ์ ออกจากระบบการจำหน่ายต่อไป” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯกล่าว