คปภ.ชี้แจงเหตุบัสนักท่องเที่ยวชาวจีนเบรกแตกพลิกคว่ำ จ.ภูเก็ต มีประกัน พ.ร.บ. – ภาคสมัครใจชั้น 3 คุ้มครองผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย รายละ 6.5 แสนบาท รวมถึงคุ้มครองการบาดเจ็บ 23 ราย รายละไม่เกิน 3 แสนบาท
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดอุบัติเหตุรถบัสนักท่องเที่ยวชาวจีน หมายเลขทะเบียน 30-0902 พังงา เกิดเหตุรถเบรกแตกพลิกคว่ำบริเวณทางลงเขาป่าตองหน้าวัดสุวรรณคีรีวงศ์ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย และได้รับรับบาดเจ็บถึง 23 รายนั้น
ทั้งนี้ จากการติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดของ สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง และสำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต พบว่า รถบัสคันที่เกิดเหตุเป็นของบริษัท จอมเทียน จำกัด และได้มีการทำประกันภัยไว้กับ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) คือ ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เลขที่ 60-8-0610143 เริ่มคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2561 และประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) เลขที่ 59-3-6-525933 เริ่มคุ้มครองวันที่ 22 กันยายน 2559 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 22 กันยายน 2560 ซึ่งในเบื้องต้น สำนักงาน คปภ. ได้ประสานกับบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว โดยผู้ประสบอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครอง ดังนี้ การประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทน รายละ 300,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่หากเป็นฝ่ายทำละเมิดจะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการศพ จำนวน 35,000 บาท และผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน รวมทั้งค่าชดเชยรายวัน สำหรับการพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลวันละ 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน
สำหรับการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) ทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงิน 300,000 บาทต่อคน และจากการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ให้ความคุ้มครอง ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร คนละ 50,000 บาท สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริง ไม่เกิน 300,000 บาทต่อคน
“ดร.สุทธิพลกล่าวด้วยว่า จากการที่สำนักงาน คปภ.ได้ประสานงานเบื้องต้นกับบริษัทผู้รับประกันภัยเกี่ยวกับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยของผู้โดยสารกรณีเสียชีวิตทั้ง 2 รายจากอุบัติเหตุในครั้งนี้จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 650,000 บาท พร้อมกันนี้ยังได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต และสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของสำนักงาน คปภ. ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าผู้บาดเจ็บได้มีการทำประกันชีวิต และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้ด้วยหรือไม่ ทั้งนี้หากพบว่ามีการทำประกันภัยไว้ สำนักงาน คปภ. จะประสานงานให้บริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บต่อไป”
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมด้วยว่า การเกิดอุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ถึงแม้ว่าจะมีความระมัดระวังในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนนี้อาจมีฝนตกหนักทำให้ถนนลื่น จึงมักเกิดอุบัติเหตุจากรถขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นประชาชนจึงควรให้ความสำคัญในเรื่องของการทำประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย และฝากเตือนผู้ประกอบการเดินรถโดยสาร รวมถึงผู้ประกอบการขนส่งมวลชนอื่นๆ ควรทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึงและครบวงจร ซึ่งสำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ และจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยและประสานงานด้าน ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องประกันภัยสามารถติดต่อมาที่สายด่วน คปภ. 1186