ชี้ช่องลงทุน “กองอินฟราฟันด์-รีท” รับผลตอบแทนสูง

รถไฟฟ้า
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ที่มีรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าและทางด่วนจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวมากที่สุดหลังผลกระทบจากโควิด

กูรูชี้ช่องลงทุน “กองอินฟราฟันด์-รีท” รับผลตอบแทนสูง 6-10% ในภาวะดอกเบี้ยขาลง “บล.กสิกรไทย” คัด 4 กองทุนเด่น “JASIF-DIF-HREIT-B-WORK” ได้รับผลกระทบจากโควิดน้อย  เตือนนักลงทุนศึกษาสินทรัพย์ในกองทุนก่อนซื้อ ชี้กลุ่ม “โรงแรม-ห้างสรรพสินค้า” ฟื้นยาก ฟาก “ทิสโก้” ส่งกองรีท PROSPECT เข้าระดมทุน SET มั่นใจผลตอบแทนปีแรก 11.1% แม้เข้าเทรดวันแรกราคาต่ำจอง 0.5%

นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีปัจจัยลบแวดล้อม ทั้งสถานการณ์การเมืองในประเทศ และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในภาวะเช่นนี้การเลือกลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure fund) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี เนื่องจากผันผวนน้อย และผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรพิจารณาสินทรัพย์ที่กองทุนประเภทนี้เข้าไปลงทุนด้วย เนื่องจากสินทรัพย์บางประเภท เช่น โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

ทั้งนี้ การลงทุนผ่านกองทุนรวม (mutual fund) ที่มีการลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และ REIT ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดี เนื่องจากสามารถกระจายการลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ภายในหน่วยลงทุนดียว ซึ่งหมายถึงการกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการซื้อลงทุนรายตัวด้วยตนเอง อีกทั้งยังมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลกองทุน

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

โดยฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทยแนะนำ ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ราคาเป้าหมาย 11.58 บาท/หุ้น อัตราผลตอบแทน 10% สูงที่สุดในกลุ่ม และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ราคาเป้าหมาย 16.23 บาท/หุ้น ผลตอบแทน 7% ทั้งนี้ ผลประกอบการในงวดไตรมาส 2/63 ของทั้ง 2 กองทุน ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด

ถัดมาแนะนำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช(HREIT) ราคาเป้าหมาย 10.90 บาท/หุ้น ผลตอบแทน 7% ซึ่ง HREIT มีแผนจะซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุนเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ และทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง ออฟฟิศ (B-WORK) ราคาเป้าหมาย 14.90 บาท/หุ้น ผลตอบแทน 6.3%

ส่วนระยะถัดไป บล.กสิกรไทย ประเมินว่าในกรณีที่ไม่มีการระบาดระลอก 2 กองทุนที่ราคาปรับลดลงมาแรง อย่างกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ที่มีรายได้จากการเดินรถไฟฟ้าและทางด่วนจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวมากที่สุด

“การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองรีทมีความปลอดภัยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ก็จริง แต่นักลงทุนต้องศึกษาด้วยว่าแต่ละกองทุนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากน้อยแค่ไหน หากเป็นสินทรัพย์ประเภทออฟฟิศ นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน หรือคลังสินค้า ผลกระทบก็จะไม่มากเท่ากลุ่มโรงแรมและห้าง จากที่เราวิเคราะห์ดู ผู้เช่าบางรายอาจเลิกกิจการหรือขอปรับลดค่าเช่า แต่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของกองทุนประมาณ 1-2% เท่านั้น”

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการ บล.ทิสโก้ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพคโลจิสติกส์และอินดัสเทรียล (PROSPECT)กล่าวว่า PROSPECT เป็นกองรีทที่บริษัทนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดินและอาคารบางส่วนในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน ตั้งอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด กม.23 ประกอบด้วยพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรม ที่เป็นพื้นที่เขตประกอบการทั่วไป (general zone) และเขตปลอดอากร (free zone) ปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 93.6%

อย่างไรก็ดี ด้วยภาวะตลาดที่ปรับลดลง จากความกังวลข่าวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ราคาหุ้นในการเปิดซื้อขายวันแรก (20 ส.ค. 63) ปรับตัวลงต่ำกว่าราคาจองซื้อ (IPO Price) 0.5% ที่ 9.95 บาท/หุ้น แต่เชื่อว่าในระยะยาว PROSPECT จะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องไปอย่างน้อยอีก 2 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ PROSPECT ประมาณการผลตอบแทนปีแรกที่ 11.1% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกองรีทในตลาดที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 6-7%

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมา กองรีท โดยเฉพาะกองรีทต่างประเทศ (Global REIT) เป็นดาวเด่นของการลงทุน เพราะให้ผลตอบแทนชนะตราสารหนี้ หุ้น และทองคำ แต่ในครึ่งแรกของปีนี้อาจดูเป็นรองลงมา ด้วยราคาที่ตกลงมาและฟื้นตัวช้ากว่าหุ้นโลก ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นแค่ภาวะชั่วคราว โดยเฉพาะกองรีทไทยและสิงคโปร์ เห็นได้ชัดว่าราคาฟื้นเร็วกว่าของโลก

“โอกาสการลงทุนในกอง REIT ยังมีอยู่ ขณะนี้ราคายังไม่แพงเกินไป เพราะได้ฟื้นตัวผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว ถึงแม้จะฟื้นน้อยกว่าราคาหุ้น” นายวินกล่าว