Van Gogh กับการลงทุน

คอลัมน์ จัตุรัสนักลงทุน

โดย เฉลิมเดช ลีวงษ์เจิรญ

Van Gogh เป็นศิลปินที่โด่งดังมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ภาพวาดดัง ๆ ที่คนทั่วโลกคุ้นตาและรู้จักเป็นฝีมือของ Van Gogh อยู่เป็นจำนวนมาก เช่น Sunflowers, The Starry Night, Bedroom in Arles, The Night Cafe, Wheat Field with Cypress เป็นต้น

ภาพวาดเด่น ๆ ของ Van Gogh ได้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือในราคามหาศาล ถึงรูปละหลายพันล้านบาท คนส่วนมากคิดว่า Van Gogh คงเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยมหาศาล แต่แท้จริงแล้ว ตลอดชีวิตของ Van Gogh เขาเป็นเพียงศิลปินจน ๆ ที่สร้างสรรค์ผลงานไว้หลายร้อยรูป แต่แทบไม่มีใครสนใจซื้อภาพวาดของ Van Gogh เลย ขณะที่เขามีชีวิตอยู่เขาขายภาพวาดได้เพียงหนึ่งรูป

Van Gogh เกิดในปี ค.ศ. 1853 ที่ประเทศฮอลแลนด์ เขาชอบศิลปะและศึกษาผลงานของศิลปินต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเริ่มฝึกวาดรูปตามรูปของศิลปินดังยุคก่อนหน้า ฝีมือการวาดรูปของเขาพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบ impressionist เป็นรูปที่ค่อนข้างเหมือนจริง แต่จะใส่ความรู้สึกของผู้วาดผ่านการวาด ผ่านเฉดสี ลักษณะการลงลายเส้น ทำให้ผู้ชมรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้วาดขณะวาดรูปนั้น ๆ เช่น ดีใจ เหงา หดหู่ มีความหวัง เป็นต้น

ภาพวาดส่วนใหญ่ที่สร้างชื่อให้ Van Gogh ถูกวาดตอนที่ Van Gogh ย้ายมาอยู่ที่เมือง Arles ในเขต Provence ด้านใต้ของฝรั่งเศส ที่มีธรรมชาติสวยงาม และเป็นช่วงปีท้าย ๆ ของเขาหลังจากพัฒนาการวาดรูปมาร่วม 20 ปี

Van Gogh เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์เทคนิคและนวัตกรรมการวาดรูปตอนกลางคืนได้อย่างสวยงาม เขาเคยกล่าวไว้ว่ากลางคืนมีแสงสีมากกว่ากลางวันเสียอีก

เนื่องจากสมัยที่ Van Gogh อยู่ ผู้คนยังไม่รู้จักสไตล์การวาดแบบ impressionist ทำให้ไม่มีใครสนใจผลงานของเขา

เนื่องจากเขามีโลกส่วนตัวสูง แถมมีปัญหาเรื่องหูแว่ว ชอบได้ยินเสียงในจินตนาการ ทำให้เพื่อนบ้านคิดว่าเขาเป็นบ้า

เขาเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนมากนัก แถมมีปัญหาในการเข้าสังคม สุดท้ายเขาจบชีวิตตัวเองในวัยเพียง 37 ปี

เรื่องของ Van Gogh ทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับเรื่องการลงทุน ในแง่ที่ว่าศิลปินนั้นคล้ายกับนักลงทุน กว่าจะประสบความสำเร็จ เข้าใจแก่น คงต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็น 10 ปี หรืออย่างน้อย 10,000 ชั่วโมง แน่นอนว่าน้อยคนนักที่จะทำได้ จึงไม่แปลกเลยที่ศิลปินและนักลงทุนระดับสุดยอดจึงมีจำนวนไม่มากนัก

อีกทั้งศิลปินสุดยอดมักมีพฤติกรรมคล้ายกับนักลงทุนที่เก่งกาจ เขาเหล่านั้นคงดูแปลก ๆ ในสายตาคนส่วนใหญ่ เขาเหล่านั้นมักมีความคิดที่เป็นอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์สูง มีจินตนาการ มีโลกส่วนตัว สามารถใช้เวลานาน ๆ กับการวาดรูป หรือศึกษากิจการที่ตนสนใจ

บางทีเส้นแบ่งระหว่างอัจฉริยะกับบ้าอาจเป็นเพียงเส้นบาง ๆ เพราะอัจฉริยะหลายคนอย่าง Albert Einstein, Nicola Tesla, Steve Jobs หรือแม้กระทั่ง Warren Buffett และ Charlie Munger ต่างก็มีลักษณะคล้ายกับ Van Gogh ที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นคนแปลก ๆ

นอกจากนี้ ภาพวาดของ Van Gogh ยังสามารถเปรียบเทียบได้กับหุ้นสุดยอดบางตัวที่ให้ผลตอบแทนแบบเปลี่ยนชีวิต เป็นหลายสิบเท่า หรือแม้กระทั่งหลายร้อยเท่า คล้าย ๆ กับคนที่เป็นเจ้าของภาพวาดดัง ๆ ของ Van Gogh โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแบบมหาศาลมักเป็นหุ้นที่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดมองข้าม หรือมีความเข้าใจแบบผิด ๆ เป็นธุรกิจที่ในอดีตอาจมีปัญหางบการเงินย้อนหลังดูแย่ แต่อาจจะมีจุดเปลี่ยนบางอย่างที่ทำให้อนาคตสดใส โดยที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รับรู้ คล้าย ๆ สไตล์การวาดรูปแบบ impressionist ของ Van Gogh ที่คนในสมัยเดียวกันกับ Van Gogh ยังไม่เข้าใจ ยังไม่เห็นความสวยงามของภาพวาดที่ในเวลาต่อมามีมูลค่าเป็นหลักหลายร้อยหลายพันล้านบาท

สุดท้าย นักลงทุนก็คือศิลปินแบบหนึ่ง เพราะศาสตร์ของการลงทุนนั้นแท้จริงแล้วเป็นศิลปะ ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ทำให้นักลงทุนจำนวนมากที่แม้จะผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงแก่นการลงทุนจริง ๆ ได้อย่างแท้จริงเสียที

happy investing