กสิกรไทย เก็งตลาดหุ้นปลายปีบวกทะลุ 1,400 จุด

บลจ.กสิกรไทย ลุ้น SET Index ปลายปีบวกทะลุ 1,400 จุด อานิสงส์โควิดคลี่คลาย แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยงเสี่ยงผ่าน 4 กองทุน รับผลตอบแทนสูงสุด 52.6%

นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จากัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยมีลักษณะการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนในระยะสั้นยังคงมีอยู่ ประกอบกับผู้ลงทุนยังมีความกังวลต่อสถานการณ์จึงเลือกถือครองกองทุนตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ทำให้ได้รับผลตอบแทนอย่างจำกัด

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าไทยจะสามารถผลิตวัคซีนโควิด-19 ได้เองในปี 2565 ดังนั้น จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนบริหารพอร์ตโดยการกระจายลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก (Multi Asset) ผ่านกองทุนแนะนำของ บลจ.กสิกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสรับตอบแทนในระยะยาวภายหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

สำหรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตให้มีประสิทธิภาพควรกระจายลงทุนทั้งในสินทรัพย์ท่ีมีความเสี่ยงสูง และสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่า เพื่อสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดท่ีแตกต่างกันและช่วยลดความผันผวนได้ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถแบ่งสัดส่วนของพอร์ตออกเป็นพอร์ตหลัก (Core Portfolio) ซึ่งแนะนำให้มีน้ำหนักมากกว่า 50% ของพอร์ต ส่วนที่เหลือเป็นพอร์ตเสริม (Satellite Portfolio)

โดย บลจ.กสิกรไทย แนะนำ กองทุนเปิด เค โกลบอล อินคัม (K-GINCOME) เป็นพอร์ตหลัก ซึ่งมีนโยบายที่เน้นกระจายสินทรัพย์หลากหลายประเภทกว่า 2,500 สินทรัพย์ทั่วโลก ผ่านกลยุทธ์การบริหารที่ยืดหยุ่นและปรับพอร์ตให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดได้

สำหรับพอร์ตเสริมแนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ไชน่า คอนโทรล โวลาติลิตี้ (K- CCTV) ที่เน้นลงทุนในตลาดห้นุจีน A-Shares ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสงู โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน

ถัดมา กองทุนเปิดเคพอสซิทีฟเชนจ์ห้นุทุน (K-CHANGE) ที่เน้นลงทุนในห้นุของบริษัทท่ัวโลกท่ีมีอัตราการเติบโตสูง (Growth Stock) และสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยกองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 52.60% ต่อปี สามารถเอาชนะดัชนีชี้วัด MSCI ALL Country World ซึ่งอยู่ที่ 2.88% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ก.ค. 63)

และสุดท้าย กองทุนเปิด เค ตราสารหนี้ โปรแอคทีฟ (K-FIXEDPRO) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีระดับ Investment Grade ทั้งไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย โดยมุ่งหวังผลตอบแทนที่มากกว่ากองทุนตราสารหนี้ทั่วไป

นายวศินกล่าวอีกว่า สำหรับมุมมองต่างประเทศตลาดหุ้นได้สะท้อนการรับรู้ข่าวดีของพัฒนาการผลิตวัคซีนจากตัวเลขดัชนีชี้วัดต่างๆ ท่ีเริ่มปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่หลายประเทศยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเป็นไปได้ช้ากว่าที่คาด ส่วนมุมมองในประเทศ ตลาดตราสารหนี้ไทยยังคงมีสภาพคล่องและเสถียรภาพ โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะท่ีตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนในระยะสั้น

“มุมมองตลาดหุ้นปีนี้ บลจ.กสิกรไทย คาดการณ์เป้าหมาย SETIndex ในปีนี้ที่ระดับ 1,350 จุด และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นแตะระดับ 1,400 จุด หากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนเป็นระยะได้” นายวศินกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทย มีมลูค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1.36 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกองทุนรวม 1.00 ล้านล้านบาท ธุรกิจกองทุนสารองเลี้ยงชีพ 1.88 แสนล้านบาท และธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล 1.68 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดจำแนกตามธุรกิจอยู่ที่ 21.4% 15.5% และ 15.3% ตามลำดับ โดยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมกองทุนรวม (ข้อมลู จาก AIMC ณ 31 ก.ค. 63)