หุ้น-การเงิน

ระวังแรงเทขายหุ้นไทยหนัก หลัง “ขุนคลัง” ลาออก ฉุดเสถียรภาพ-ซ้ำเติมการเมือง

หุ้น

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ SET INDEX อาจเผชิญแรงเทขาย มีโอกาสหลุดลงไปทดสอบแนวรับ 1,295 จุด ในกรอบระหว่าง 1,295-1,310 จุด เหตุการลาออกของ “ปรีดี ดาวฉาย” รมว.คลัง ฉุดภาพลักษณ์กับเสถียรภาพภายใน ครม.

แม้จะมี ศบศ.ดูแลภาวะเศรษฐกิจจาก COVD-19 ก็ตาม หวั่นหาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาดำรงตำแหน่งแทนได้ยาก กดดันโครงการลงทุนของรัฐ EEC และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีแนวโนมถูกชะลอออกไป

วันนี้ (2 ก.ย.63) บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันพุธว่า ระวังแรงเทขายหลังวานนี้ปรับตัวลงในช่วงบ่ายหลังมีข่าวการลาออกของนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นปัจจัยซ้ำเติมการเมืองภายในประเทศและความเชื่อของนักลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับปัจจัยภายนอกยังมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐจีน รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในเมียนมาที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง คาดเช้านี้ SET INDEX อาจเผชิญแรงเทขายมีโอกาสหลุดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,295 จุด ในกรอบระหว่าง 1,295-1,310 จุด

สำหรับกรณี “นายปรีดี ดาวฉาย” รัฐมนตรีว่การกระทรวงการคลังในรัฐบาลประยุทธ์ 2/2 ยื่นหนังลือลาออกจากตำแหน่งหลังดำรงตำแหน่งได้เพียง 27 วัน สร้งความวิตกกังวลแก่นักลงทุนและความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากคลังเป็นกระทรวงใหญ่และมีหน้าที่ดูแลศรษฐกิจโดยตรง การลาออกของ
รัฐมนตรีที่ทำงานได้ไม่นาน ย่อมฉุดภาพลักษณ์กับเสถียรภาพภายในคณะรัฐมนตรี แม้ว่าจะมี ศบศ. ขึ้นมากำกับดูแลภาวะเศรษฐกิจจาก COVD-19 ก็ตาม อีกทั้งยังเกิดคำถามถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนอาจหาได้ยากจากชื่อที่นายกรัฐมนตรีเคยทาบทามได้รับการปฏิเสธ ปัจจัยนี้เข้ากดดันตลาดโดยตรง เพราะทำให้โครงการลงทุนของรัฐ EEC และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มีแนวโนมถูกชะลอออกไป

ส่วนศึกการเลือกตั้งสหรัฐ “ทรัมป์” อาจพลิกมาชนะ โดยนักวิเคราะห์เผยว่า ทรัมป์อาจพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะสมัยที่ 2 ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ แม้ก่อนหน้านี้คะแนนนิยมจะต่ำว่าไบเดนราว 5-10 จุด แต่สิ่งที่จะมาเปลี่ยนผลคะแนนดังกล่าว คือการชุมนุมต่อต้านที่เปลี่ยนรูปแบบจากสันติวิธีไปสู่วิธีรุนแรง และสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐที่มีแนวโน้มดีขึ้น ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง ซึ่งทางฝ่ายมีมุมมองว่าโอกาสดังกล่าวเป็นไปได้แลจะเป็นจริงหากผลการทดสอบวัคซีนในเฟสที่ 3 ออกมาเชิงบวกพร้อมกับผลิตได้ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น