ดาวโจนส์ ปิดร่วงกว่า 800 จุด นักลงทุนแห่ขายหุ้นเทคโนโลยี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงกว่า 800 จุด เหตุนักลงทุนแห่ขายหุ้นเทคโนโลยี เพื่อทำกำไร 

วันที่ 4 กันยายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดร่วงอย่างหนัก เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยร่วงวันเดียวมากที่สุดในรอบหลายเดือน ผลจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งทะยานขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,292.73 จุด ร่วงลง 807.77 จุด หรือ -2.78%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,455.06 จุด ร่วงลง 125.78 จุด หรือ -3.51% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,458.10 จุด ร่วงลง 598.34 จุด หรือ -4.96%

ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวดังกล่าวร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไร โดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ร่วงลง ได้แก่ เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, แอมะซอน.คอม, ไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท

หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วง 3.8% หลังมีการประกาศว่าจะห้ามการโฆษณาทางการเมืองในสัปดาห์ก่อนหน้าวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน

ขณะที่หุ้นอัลฟาเบท ปิดร่วง 5% หลังมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ อาจดำเนินคดีต่อต้านการผูกขาดตลาดกับทางบริษัทอย่างเร็วที่สุดในเดือนนี้

ส่วนหุ้นกลุ่มบริษัทซอฟท์แวร์ร่วงลงด้วย โดย หุ้นเซลส์ฟอร์ซ.คอม ปิดร่วง 7.8%

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร, กลุ่มสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต, กลุ่มพลังงาน และกลุ่มการเงินต่างก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน

นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า การร่วงลงของตลาดเป็นเพียงการย้ายฐานการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจคือ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 881,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ที่ระดับ 950,000 ราย หลังจากมีจำนวน 1.011 ล้านรายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลงสู่ระดับ 13.254 ล้านราย หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะ 24.912 ล้านรายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นมากกว่าคาดในเดือนกรกฎาคม โดยพุ่งขึ้น 18.9% สู่ระดับ 6.36 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การนำเข้าพุ่งขึ้น 10.9% สู่ระดับ 2.317 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น 8.1% สู่ระดับ 1.681 แสนล้านดอลลาร์