KTBST มอง SET Index ยังมีแรงบวกหนุน การลงทุนควรเน้นหุ้นใหญ่ที่มีปัจจัยบวก

KTBST มอง SET Index ยังมีแรงบวกหนุน ทิศทางสัปดาห์นี้ (9-12 ต.ค.) อาจมีการพักตัวเพื่อไปต่อ นโยบายของ Fed และดอลลาร์ที่แข็งค่า เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม การลงทุนควรเน้นหุ้นใหญ่ที่มีปัจจัยบวก หุ้นแนะนำ JMT, WICE, TAPAC, TK, AP, SYNEX ประเมินกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,680-1,710 จุด

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST มองทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ (9-12 ต.ค.) ว่า จากแรงกดดันจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลง ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ยังเป็นตัวแปรที่กดดันต่อราคาหุ้น แม้ว่าปัจจัยในประเทศจะเป็นตัวหนุนต่อตลาด ทั้งเรื่อง GDP ปีนี้ที่มีการปรับขึ้นไปอยู่ใกล้ๆ 4% และผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของตลาดและหุ้นหลักๆ ที่มีสัญญาณฟื้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมถึงการเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้มีการเข้ามาลงทุนในหุ้นที่ถูกคาดว่ากำไรจะดีเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อน ดังนั้นแนวโน้มของ SET Index ในสัปดาห์นี้อาจมีการพักฐานก่อนเดินหน้าต่อ คาดว่ากรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ อยู่ที่ 1,680-1,710 จุด

ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามได้แก่ เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเนื่องจาก Fed ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้การประกาศตัวเลขที่ชัดเจนของมาตรการลดภาษีของทรัมป์ยังส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกด้วย โดย Dollar Spot Index ปรับตัวขึ้นมาจาก 93 เป็น 94 จุด และค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกไทยและหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ หากสูงมากกว่าคาดที่ 0.49% โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยจะสูงขึ้นตามลำดับ

ขณะที่การคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มจะเป็น Warsh ซึ่งถูกมองว่านโยบายไม่สนับสนุนการก่อให้เกิดเงินเฟ้อ เช่น มาตรการ QE, การลดดอกเบี้ยเป็นเวลานาน หาก Warsh ได้เป็นประธาน Fed คนใหม่ มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะเร็วขึ้น (คาดการณ์เดิม คือ ธ.ค.60) และค่าเงินดอลลาร์จะมีโอกาสแข็งค่าต่อ

ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามกระแสเงินจากต่างประเทศ โดยคาดว่าสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสที่ต่างชาติจะมีการขายทำกำไรต่อจากสัปดาห์ก่อน รวมถึงการคาดการณ์งบการเงินในไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะเริ่มเห็นการเข้ามาเก็งกำไร

“สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเรายังมองว่าตลาดเพียงแค่ชะลอการปรับตัวขึ้น แนะนำนักลงทุนเลือกที่จะถือหุ้นต่อ หรือเข้าซื้อเพิ่มโดยรอจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมาควรเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีการสลับเข้ามาและมีปัจจัยบวกรองรับ รวมทั้งกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3 จะออกมาดี และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ การฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ผลบวกจากเงินบาทอ่อนค่า เป็นต้น หุ้นแนะนำในเชิงกลยุทธ์ได้แก่ JMT, WICE, TAPAC, TK , AP, SYNEX”