“กรมบัญชีกลาง” ยันบัตรสวัสดิการแห่งรัฐถูกต้องตาม รธน. มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่าการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการสูญเสียงบประมาณในการจัดทำบัตรสวัสดิการ โดยไม่ใช้ร่วมกับบัตรประชาชน เป็นการทำงานที่ไม่คุ้มค่า ไม่ประหยัดการใช้จ่ายของภาครัฐ เพราะรัฐต้องเสียเงินไปกับการจัดซื้อจัดหาบัตรสวัสดิการที่มีราคามากกว่า 35 บาท รวมทั้งอาจขัดมาตรา 62 ของ รธน. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 นั้น

อธิบดีกรมบัญชีกลาง ขอชี้แจงว่า การดำเนินการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนตรงตัว ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน และต้องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในสังคม ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560

แต่โดยที่บัตรประชาชนที่ประชาชนถืออยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นแบบเอนกประสงค์ (Smart Card) แต่จัดเก็บเฉพาะข้อมูลบุคคล ข้อมูลสิทธิการรักษาพยาบาลของ สปสช. ข้อมูลหน่วยบัญชาการกำลังสำรอง และข้อมูลทะเบียนเกษตรกร โดยยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพและรายได้ รวมทั้งยังไม่สามารถนำไปใช้ชำระค่าสินค้าและบริการที่เครื่องรูดบัตรได้ (Electronic Data Capture : EDC) ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อใช้เป็นสื่อ ในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ ซึ่งเป็นราคามาตรฐานทั่วไป

ทั้งนี้ การดำเนินการเรื่องดังกล่าว กรมบัญชีกลางได้พิจารณาเกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้ด้วยความรอบคอบ และใช้เงินงบประมาณที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี และไม่ขัดกับมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 แต่อย่างใด