“เอสซีจี-ปตท.”เข็นบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น-ลุ้นราคาวิ่ง

ตลาดหุ้นไทย

บิ๊ก บจ.ตบเท้าเข็นบริษัทลูกเข้าตลาดหุ้น “ปูนซิเมนต์ไทย” จ่อดัน “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” เข้าเทรดปลายปีนี้ ขณะที่ “OR” บริษัทย่อยเครือ “ปตท.” ลุ้นขยับไปต้นปีหน้า ด้าน “วีจีไอ” นำ “เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” เข้าคิวรอจังหวะ โบรกฯ “บล.เอเซีย พลัส” ชี้เทรนด์นำบริษัทย่อยเข้าเทรดปีนี้ หุ้นแม่รับอานิสงส์บวก หลัง “STA” โชว์ฟอร์มแจ่มราคาพุ่งเฉียด 200% จากการนำ “ศรีตรังโกลฟส์” เข้าซื้อขาย ฟาก “บล.หยวนต้า” เตือนระวังบริษัทแม่โดนเทขายเก็งกำไร

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทใหญ่หลายแห่งเตรียมส่งบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยที่่เข้าระดมทุนไปแล้ว ได้แก่ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) บริษัทลูกของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีคาดว่า บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะนำบริษัทลูก บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เข้าระดมทุนอีกราย ขณะที่ บมจ.ปตท. (PTT) ที่จะส่ง บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าระดมทุน อาจจะขยับไปต้นปี 2564 นอกจากนี้ ยังมี บมจ.วีจีไอ (VGI) ที่เตรียมนำบริษัทย่อย บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯอีกด้วย

ทั้งนี้ หุ้นที่เข้าซื้อขาย (เทรด) ในปีนี้ ราคามีแนวโน้มปรับขึ้นได้ดี (outperform) เนื่องจากธุรกิจที่เข้าจดทะเบียนสอดคล้องกับสถานการณ์โควิด-19 เหมือนกรณี STGT ผู้ประกอบธุรกิจถุงมือยางที่ความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้นช่วงไวรัสแพร่ระบาด ส่งผลให้บริษัทแม่ STA ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ปรับขึ้นกว่า 155% สูงสุดในดัชนี SET100

“ก่อนที่ STGT จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ (2 ก.ค.) ราคาหุ้น STA ปรับขึ้น 192.50% (นับตั้งแต่ 1 ม.ค.) ขณะที่ ณ สิ้นวันที่บริษัทย่อยเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นวันแรก พบว่าราคาหุ้นของ STA ย่อตัวลงมาเล็กน้อย 4.27% และหากนับตั้งแต่วันที่บริษัทย่อยเข้าซื้อขายวันแรกจนถึงปัจจุบันราคาหุ้นปรับลดลงอีกเล็กน้อยประมาณ 12.82% แต่ในภาพรวมถือว่าราคาบวกอยู่โดยเฉพาะราคาหุ้นของ STGT ที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 100.74%” นายภราดรกล่าว

ขณะที่กรณีของ SCC พบว่าราคาหุ้นเริ่มปรับขึ้นจากการที่นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรปัจจัยบวกของการเตรียมนำบริษัทย่อยเข้าระดมทุน ขณะที่ PTT และ VGI คาดว่าจะเห็นแรงเก็งกำไรเข้ามาในช่วงปลายปีนี้

“ก่อนที่บริษัทลูกจะเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น สังเกตได้ว่าราคาหุ้นบริษัทแม่มีแนวโน้มจะปรับขึ้น โดยเฉพาะก่อนวันที่จะขึ้นเครื่องหมาย XB ซึ่งหมายถึงว่าถ้านักลงทุนซื้อหุ้นหลังจากนี้จะไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่ ยกตัวอย่างเช่น SCC ที่ราคาหุ้นในวันที่ 3 ก.ย.ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 369.00 บาท ก่อนวันขึ้นเครื่องหมาย XB ที่ 10 ก.ย.”

ตารางนำหุ้นเข้าตลาดฯ

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส แนะนำนักลงทุน “ทยอยสะสม” PTT และ VGI เพื่อเก็งกำไรปัจจัยบวกการนำบริษัทย่อยเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยในส่วนของ PTT หลังจากที่ราคาหุ้นระดับปัจจุบันปรับลดลงมาค่อนข้างถูก ที่ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท โดยมีโอกาสปรับขึ้น (upside) ประมาณ 16% ขณะที่ VGI แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 8.70 บาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่บริษัทแม่นำบริษัทย่อยในเครือเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอดีตที่ผ่านมา หลายกรณีราคาหุ้นบริษัทแม่มักจะปรับลดลง โดยเฉพาะหากบริษัทแม่มีสัดส่วนรายได้ที่บริษัทลูกนำส่งค่อนข้างสูง เช่น กรณี บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) กับ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม (ITEL) เป็นต้น

“กรณีของ SCC และ PTT เชื่อว่าจะถูกขายทำกำไรเช่นกัน เนื่องจากคาดว่าบริษัทย่อยในเครือ ได้แก่ SCGP และ OR จะผ่านเกณฑ์พิเศษ (fast track) เข้าดัชนีหุ้น SET50 รวมถึงเชื่อว่าเมื่อใกล้วันซื้อขายวันแรกของบริษัทย่อย บริษัทแม่จะถูกซื้อไล่ราคาขึ้นมา และมีความเสี่ยงจะถูกขายทำกำไรในระยะถัดไป”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจการนำ บจ.เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯช่วงปี 2563-2564 นี้จะมี บจ. เตรียมนำบริษัทย่อยเข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นหลายรายด้วยกัน (ดูตาราง) ซึ่งหากพิจารณาจากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าหลังการนำบริษัทย่อยเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแล้ว หลายบริษัทราคาหุ้นปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งบริษัทแม่และบริษัทลูก อย่างไรก็ดี บริษัทลูกในเครือบริษัทใหญ่ อาทิ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) และ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) ซึ่ง ณ วันที่เข้าซื้อวันแรกอยู่ในเครือ บมจ.ปตท. ราคาหุ้นกลับปรับขึ้นสวนกระแส เช่นเดียวกันกับกรณี บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ที่ส่ง บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) บริษัทลูกเข้าระดมทุน