คาด SET แกว่ง 1,230-1,260 จุด ลุ้น’สถาบัน-กองทุน’ ซื้อหุ้นเก็งกำไรปิดงวดบัญชีQ3

ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,230-1,260 จุด ลุ้น 3 วันสุดท้ายเดือน ก.ย.’นักลงทุนสถาบัน-กองทุนรวม’ ซื้อหุ้นเก็งกำไรปิดงวดบัญชีไตรมาส 3 -จับตาโควิดระบาดหนักสหรัฐ-เมียนมา เสี่ยงอีกครั้งแรงงานข้ามชาติแถบชายแดน ผวา!สหรัฐขึ้นบัญชีดำ SMIC บริษัทผลิตชิปยักษ์ใหญ่ในจีน ‘ข้อหาภัยต่อความมั่นคง’ หวั่นความขัดแย้งยิ่งรุนแรง

วันนี้ (28 ก.ย.63) บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันจันทร์ว่า ตลาดหุ้นเช้านี้มีแนวโน้มแกว่งตัวออกข้างในกรอบระหว่าง 1,230-1,260 จุด ขณะที่ตลาดตอบรับปัจจัยเชิงลบที่แวดล้อมตลาดไประดับหนึ่งแล้ว หากแต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงต้องติดตามพัฒนาการที่ชัดเจนมากขึ้นต่อไป ได้แก่ 1.การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กลับมารุนแรงขึ้น 2.ความขัดแย้งสหรัฐจีน และ 3.การเมืองภายในประเทศที่ยังเปราะบาง

ทั้งนี้จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี การเกิด Window Dressing (นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนรวมจะใช้กลยุทธ์การซื้อเก็งกำไรเกี่ยวกับการซื้อหุ้นเพื่อปิดงวดบัญชี) ในช่วง 3 วันทำการสุดท้ายของไตรมาส 3 มีโอกาสเกิดขึ้นไม่มาก โดยเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งใน 10 ปี แต่ในปีนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากปัจจัยสนับสนุนทั้งการย่อตัวลงของตลาดมากกว่า 8.5% (114 จุด) นับจากสิ้นไตรมาส 2 และกลุ่มนักลงทุนสถาบันมีสถานะขายสุทธิราว 1.4 หมื่นล้านบาท (MTD) จึงมีเงินสดและสภาพคล่องในมือมากพอสมควร

ด้านสถานการณ์ COVID-19 กลับมากดดันตลาด หลังยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐกลับมาเร่งตัวอีกครั้งในเมืองนิวยอร์คเกิน 1,000 รายต่อวันติดต่อกัน ทำให้สหรัฐเสี่ยงจะเข้าสู่การระบาดระลอกที่ 2 ขณะที่ประเทศเมียนมายอดผู้ติดเชื้อทะลุ 10,000 ราย ทำให้ด่านชายแดนไทยกลับมามีความเสี่ยงอีกครั้ง โดยเฉพาะจากแรงงานข้ามชาติที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

และสำหรับประเด็น”สหรัฐเปิดศึกจีนต่อเนื่อง” โดยสหรัฐสั่งระงับการส่งออกสินค้าไปยังบริษัท SMIC หนึ่งในบริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดของจีน โดยหากบริษัทในสหรัฐจะส่งสินค้าไปยัง SMIC ต้องขออนุญาตและถูกตรวจสอบจากรัฐบาลสหรัฐก่อน ซึ่งบริษัท SMIC เป็นหนึ่งใน Supplier ให้กับบริษัท Huawei ของจีนที่ถูกสหรัฐขึ้นบัญชีดำไปก่อนหน้านี้

และล่าสุดสหรัฐจึงได้เพิ่ม SMIC เข้าไปในรายชื่อบัญชีดำด้วยเช่นกันข้อหาภัยต่อความมั่นคง ดังนั้น เชื่อว่าความดึงเครียดระหว่าง 2 มหาอำนาจจะกลับมาอีกระลอก