FWD ขยายท่อธุรกิจในไทย รุก “ประกันวินาศภัย” ทำกำไร

บ๊อบ เวาเทอร์ส
"บ๊อบ เวาเทอร์ส"

หลังจากเข้าเทกโอเวอร์กิจการ “สยามซิตี้ประกันภัย” เมื่อเดือน ธ.ค. 2562 ล่าสุด “เอฟดับบลิวดีกรุ๊ป” ยักษ์ใหญ่ประกันสัญชาติฮ่องกง ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ที่จะรุกธุรกิจประกันวินาศภัยในไทย เป็น “เอฟดับบลิวดีประกันภัย” (FWD GI)

พร้อมประกาศปรับภาพลักษณ์ และแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น “การรับประกันผ่านระบบดิจิทัลแบบครบวงจร” เป็น “รายแรกในไทย” ในการเปิดตัวเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา

โดย “บ๊อบ เวาเทอร์ส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศว่า บริษัทจะโฟกัสที่การขายผลิตภัณฑ์ประกันที่ “ทำกำไร” เท่านั้น ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทอยู่ภายใต้ “เอฟดับบลิวดีกรุ๊ป” และบริษัท “Boltech” ที่เป็นบริษัทอินชัวร์เทคที่ทำธุรกิจอยู่ในภูมิภาคเอเชียและยุโรป ทำให้สามารถใช้ระบบนิเวศ (ecosystem) จากเครือข่ายพันธมิตรของ Boltech ที่มีอยู่ด้วยกัน 3 ด้าน ได้แก่ การรับประกันโทรศัพท์มือถือ(device protection), นายหน้าประกันภัยรูปแบบดิจิทัล (insurtech exchage) และบริษัทรับประกันภัยรูปแบบดิจิทัล (digital insurance)

“เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน บริษัทได้ทำธุรกิจร่วมกับบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ด้วยการนำเสนอสินค้า “Samsung Care+” บริการดูแลอุปกรณ์ galaxy โดยให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับโทรศัพท์หรือแท็บเลตที่ซื้อใหม่ที่สาขาของซัมซุงกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ ตอนนี้พยายามหาคู่ค้าแบรนด์มือถือและแท็บเลตเพิ่มต่อเนื่อง”

ส่วนโมเดลนายหน้าประกันภัยรูปแบบดิจิทัล ขณะนี้ได้ทำธุรกิจร่วมกับ “Frank.co.th” ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่เน้นซื้อขายประกันผ่านออนไลน์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ “ประกันรถยนต์” รวมถึงพันธมิตรคู่ค้าอย่าง “เงินติดล้อ” และในอนาคตข้างหน้าจะขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม และเครือข่ายโทรคมนาคมเพิ่มเติม

นอกจากนี้จะมุ่งสนับสนุนให้ตัวแทนประกันชีวิตของเอฟดับบลิวดีประกันชีวิตสอบใบอนุญาตขายประกันวินาศภัย เพื่อขยายงานเพิ่มเติมด้วย และโดยเฉพาะช่องทางขายผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) จะเป็นอีกช่องทางที่เติบโตต่อไปในอนาคต และจะนำเสนอผลิตภัณฑ์บน “โมบายแบงกิ้ง” เพื่อให้สอดคล้องพฤติกรรมการทำธุรกรรมของคนที่ไม่เข้าสาขา ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทุกธนาคาร

“บ๊อบ” กล่าวอีกว่า ปัจจุบันแม้ว่าแนวโน้มความต้องการหรือกำลังซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยในไทยจะลดน้อยลง แต่ตามผลวิจัย “Global Data” พบว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า (2561-2566) การเติบโตของธุรกิจประกันภัยในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 2.476 แสนล้านบาท ไปยัง 2.855 แสนล้านบาทและยิ่งผลพวงโควิด-19 ระบาด จะทำให้รูปแบบการซื้อขายออนไลน์เป็นที่ต้องการกับตลาด

ทั้งนี้ คาดว่าช่องทางดิจิทัล เบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้น 35% หรือ 2.2 แสนล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากผลความปกติใหม่ (new normal) โดยลูกค้าสนใจซื้อประกันรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันทรัพย์สิน อัคคีภัย และประกันสุขภาพ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญ

“ธุรกิจของเรายังไซซ์เล็กมาก และช่วง 6 เดือนแรก เบี้ยประกันรับรวมก็ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และกิจกรรมต่าง ๆ ชะงักจากการประกาศล็อกดาวน์ ทำให้ตัวเลขดรอปลงไปค่อนข้างมาก แต่ในทางกลับกันผลการเคลมประกันก็ลดลงเช่นเดียวกัน ทำให้ยังประเมินภาพสิ้นปีนี้ได้ยาก เพราะทิศทางของเบี้ยจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิดว่าจะกระทบกำลังซื้อมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ดี บริษัทเล็งปรับโมเดลโปรดักต์ โดยให้ความคุ้มครองระยะสั้น ๆ มากขึ้น รวมถึงมีแผนลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องในอีก 1-2 ปีข้างหน้า”

การขยายขอบเขตธุรกิจประกันภัยของ “เอฟดับบลิวดีกรุ๊ป” เป็นการต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น ส่วนจะรุกคืบตลาดประกันในไทยได้มากแค่ไหน คงต้องติดตามกันต่อไป