สแกนกำไรหุ้นกลุ่มการบิน “โลว์คอสต์” รับส้มหล่น ICAO

เอกซเรย์ผลดำเนินงานกลุ่มการบินงวดQ3/60 ส่อง AOT รุ่งสุด “เคจีไอ” ชี้หุ้นสายการบินยังไม่พ้นขีดอันตราย เหตุแข่งขันด้านราคายังกดทับ จับตา AAV โชว์กำไร Q3 ราว 200 ล้าน คาดการบินไทยขาดทุน 1.5 พันล้าน ฟากเอเซีย พลัส ชี้ปลดล็อกธงแดงไอเคโอ ส่งผลบวกต่อ AAV-NOK คาดปีนี้กำไรกลุ่มการบิน 2.4 หมื่นล้าน

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานของกลุ่มสายการบินในช่วงไตรมาส 3/60 ต้องยกให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นผู้นำของกลุ่มที่ทำกำไรโดดเด่น เนื่องจากได้รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวจีนมาไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงผลจากการคลี่คลายของปัญหาปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเกาหลี-จีน จะยิ่งทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวไทยมากขึ้น

ขณะที่ภาพรวมหุ้นกลุ่มสายการบิน คาดการณ์ว่า บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) จะเป็นสายการบินเดียวที่มีกำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3/60 โดยคาดอยู่ที่ระดับกว่า 200 ล้านบาท จากแรงหนุนปริมาณนักท่องเที่ยวจีนขยายตัว อีกทั้ง AAV ที่เป็นผู้นำของตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) ยังสามารถต้านภาวะการแข่งขันด้านราคาได้

นอกจากนี้ ประเมินว่า บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) หรือสายการบินกรุงเทพ น่าว่าจะสามารถทำกำไรได้จากสนามบินสมุย แต่อาจไม่แข็งแกร่งมากนัก ขณะที่ บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) และ บมจ.การบินไทย (THAI) คาดว่าจะยังคงขาดทุนต่อเนื่อง โดย THAI ประมาณการไตรมาส 3/60 ขาดทุนสุทธิ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1.9 พันล้านบาท

“ภาพรวมในช่วงที่ผ่านมา หุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุด คือ AOT เพราะการที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้ท่าอากาศยานได้รับไปเต็ม ๆ ส่วนธุรกิจสายการบิน มองว่าปีนี้ไม่โดดเด่นนัก เพราะได้รับปัจจัยลบจากภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรงมาก จากสงครามราคาจากสายการบินนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ”

สำหรับแนวโน้มของธุรกิจการบินในไตรมาส 4 นี้ นายปริญทร์กล่าวว่า จะเป็นโค้งสุดท้ายที่ทำให้กลุ่มสายการบินที่จะกลับมามีโอกาสแข็งแกร่ง เพราะเข้าสู่ไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยวเต็มตัว และต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันดีกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดย บล.เคจีไอ ระบุว่า หุ้นเด่นยังคงคาดการณ์ว่า AOT และ AAV จะยังคงเป็นตัวเด่นของกลุ่ม เนื่องจากกำไรของ AOT ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นผู้ประกอบการเดียวที่ได้ประโยชน์จากการเดินทางของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน จึงคาดการณ์ AOT กำไรสุทธิในปีนี้อยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่ AAV คาดว่าจะเป็นสายการบินเดียวที่ทำกำไรโดดเด่น เนื่องจากยังต่อสู้กับการแข่งขันด้านราคาได้ จึงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ส่วน BA ได้ปรับประมาณการกำไรในปีนี้ “ลดลง” เหลือ 490 ล้านบาท จากเดิมที่คาด 1,768 ล้านบาท เนื่องจาก BA เป็นสายการบินพรีเมี่ยม และไม่สามารถแข่งขันทำราคาต่ำได้ ส่วน NOK ปีนี้ยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ THAI แม้ว่าจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินธุรกิจได้ แต่ปีนี้ THAI ยังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงยังคงประเมินขาดทุนสุทธิอยู่ที่ราว 2.2 พันล้านบาท

นายสุวัตน์ วัฒนพรพรหม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของกลุ่มการบิน ปีนี้จะทำกำไรรวมราว 2.4 หมื่นล้านบาท (ดูตารางหุ้นรายตัว) ส่วนหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการปลดล็อกธงแดงขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เนื่องจากเป็นตลาดการบินที่เคยถูกระงับอย่างญี่ปุ่นและเกาหลี จะกลับมาปลดล็อกให้สามารถเข้าไปทำการบินได้ปกติ ส่งผลให้สายการบินโลว์คอสต์อย่าง AAV และ NOK ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการขยายเส้นทางบินระยะใกล้ และอาจนำมาสู่การแข่งขันด้านราคาที่น้อยลง


ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส เคยทำประมาณการ 4 หุ้นกลุ่มการบินเมื่อช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าทั้งปี 2560 กำไรรวมราว 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มเล็กน้อยจากปี 2559 ที่กำไรรวม 2.6 หมื่นล้านบาท