“ฟิลลิปประกันชีวิต” ยันเงินกองทุนแกร่ง ปีนี้เพิ่มทุนแล้ว 1,100 ล้านบาท

นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต

“ฟิลลิปประกันชีวิต” เพิ่มทุนในปี 63 แล้ว 1,100 ล้านบาท ดันอัตราส่วนเงินกองทุนไตรมาส 3 ขยับขึ้นเป็น 150% ชี้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเอาไว้ถึง 10,000 ล้านบาท ที่รองรับการเพิ่มทุนที่จำเป็นในอนาคต

นายปรัชญา กุลวณิชพิสิฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปทั่วโลก แต่บริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตในระดับสูงอย่างมีคุณภาพ โดย 9 เดือนแรก(สิ้น ก.ย.63) บริษัทมีเบี้ยประกันรับปีแรกจากทุกประเภทธุรกิจจำนวน 1,330 ล้านบาท เติบโต 110% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมจากทุกประเภทธุรกิจจำนวณ 2,336  ล้านบาท เติบโต 76% ในขณะที่อัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประเภทสามัญอยู่ในระดับสูงที่ 88%

โดยมีสินทรัพย์รวมกว่า 13,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19% การที่บริษัทมีอัตราเติบโตที่สูงมาก ทำให้การสำรองเงินกองทุนที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) สูงด้วยเช่นกัน ซึ่ง คปภ.ได้ผ่อนผันเกณฑ์ดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง(RBC 2) จาก 140% ลงมาอยู่ที่ 120% จนถึงสิ้นปี 2564

ADVERTISMENT

เนื่องจากการเติบโตที่สูงมากของฟิลลิปประกันชีวิตอย่างต่อเนื่องดังกล่าวนั้น บริษัทจึงได้เพิ่มทุนในปี 2563 แล้ว 1,100 ล้านบาท และทำให้ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วถึงปัจจุบันเป็นมูลค่า 5,384.38 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีทุนจดทะเบียนเอาไว้ถึง 10,000 ล้านบาท ที่สามารถรองรับการเพิ่มทุนที่จำเป็นในอนาคต

โดยบริษัทฟิลลิปแคปิตอลซึ่งมีฐานธุรกิจที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ ที่มีฐานะการเงินที่มั่นคง เป็นที่ยอมรับในระดับสากลนานกว่า 45 ปี  นับเป็นกลุ่มบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและการลงทุนครบวงจร เปี่ยมด้วยคุณภาพและความทันสมัย และเป็นผู้ถือหุ้นของฟิลลิปประกันชีวิต ยินดีเพิ่มทุนให้อีกโดยทันทีเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ สำรองเงินกองทุน ตามเกณฑ์ที่ คปภ. กำหนด

ADVERTISMENT

ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 อัตราความพอเพียงของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio:CAR) ของบริษัทอยู่ที่ระดับประมาณ 150% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ คปภ. กำหนด อีกทั้งมีสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในระดับสูง พร้อมเดินหน้าปรับกลยุทธ์รองรับวิถีใหม่ยุค New Normal สู่การเป็นบริษัทที่ให้บริการวางแผนทางการเงินแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร

นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ อาทิ นโยบายการลงทุนที่สร้างสมดุลอย่างเหมาะสมกับค่าอัตราความเสี่ยง ( Risk Charge ) ตามเกณฑ์ Risk- Based Capital ( RBC ) ในขณะที่สัดส่วนการลงทุนยังคงเป็นไปตามขอบเขตและเกณฑ์ที่สำนักงาน  คปภกำหนด  นโยบายด้านผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า  เพื่อเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มความเชื่อมั่น ให้แก่ ลูกค้า ผู้ถือกรมธรรม์ และพันธมิตรทางธุรกิจ  ต่อความมั่นคงของบริษัทฯ

ADVERTISMENT

นายชวลิต ทองรมย์ ผู้บริหารงานฝ่ายตัวแทน กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลอด ไตรมาสในปี 2563 นี้ การเติบโตของพลังตัวแทน เพิ่มขึ้นมากกว่า 100%  จึงส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพที่มากขึ้นต่อการให้บริการลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ได้อย่างทั่วถึง   นอกจากนี้ บริษัท ฯ ถือเป็นนโยบายหลักที่สำคัญในการพัฒนาและสร้างตัวแทนประกันชีวิตให้ยกระดับก้าวสู่การเป็น ที่ปรึกษาด้านการเงิน’ ( Fin Advisor – FA ) ที่พร้อมให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ และให้บริการทางเงินครบวงจร

ทั้งทางการประกันชีวิตและสุขภาพ การประกันวินาศภัย การประกันชีวิตควบหน่วยลงทุน ( Unit Linked) ตลอดจนการซื้อขายหน่วยลงทุนและหลักทรัพย์ โดยบริษัทได้กำหนดและพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมที่เข้มข้นขึ้น  เพื่อให้ตัวแทนได้รับใบอนุญาติที่ปรึกษาทางการเงิน ( IC License ) เพื่อยกระดับสู่ FA  พร้อมตอบสนองความต้องการทั้งด้านการประกันชีวิต  และการบริการทางการเงิน การลงทุนของลูกค้าได้อย่างมืออาชีพและมีประสิทธิผล