หุ้นปลิดชีวิต

คอลัมน์ จัตุรัสนักลงทุน

โดย วีระพงษ์ ธัม www.faceboo.com/10000Li

การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนจะใช้เวลาส่วนใหญ่มุ่งหา “หุ้นดี” ที่สามารถทำกำไรสูง ๆ เพื่อซื้อเข้าพอร์ต อย่างไรก็ดีประสบการณ์ผมพบว่าการพยายามเลี่ยง “หุ้นอันตราย” นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะนอกจากจะเสียทั้งเงิน เรายังเสียเวลาติดตาม เสียสุขภาพอีกด้วย และนี่คือลักษณะหุ้นปลิดชีวิตที่ผมพยายามระวังหรือหลีกเลี่ยง

1.”หุ้นผู้บริหารสีเทา” การลงทุนเป็นกิจกรรมที่เราต้องพึ่งพาผู้บริหาร 100% ผู้บริหารที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง และผู้บริหารสีเทาก็สร้างปัญหามากกว่าที่เราคิดมาก ศิลปะในการดูผู้บริหารนั้นถูกพูดถึงอยู่ในบทความมากมายหลายครั้ง แต่ผมขอเอาจากงานวิจัยจากหนังสือเลี้ยงลูกเล่มหนึ่งที่ชื่อ How Children Succeed ที่พูดว่าเด็กที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตสูง ต้องมีคุณสมบัติเด่น 7 ข้อ คือ มีความมุ่งมั่น รู้จักควบคุมตนเองรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ มีความกระตือรือร้น รู้จักเข้าหาสังคม มีความกตัญญูยึดในความดี มองโลกในแง่บวก มีความสงสัยใคร่รู้และชอบค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งผู้บริหารที่ดีก็น่าจะมีลักษณะนี้เช่นเดียวกัน และบทสรุปหนึ่งที่ใช้ได้เสมอคือ ผู้บริหารที่ดีควรจริงจังกับธุรกิจมากกว่าตลาดหุ้น

2.”หุ้นหนี้สูงท่วมหัว” ในตำราการเงิน การก่อหนี้ให้ผลที่ดีเสมอในเชิงตัวเลขให้ผลลัพธ์ที่นักลงทุนชอบ คือเพิ่มกำไรได้ง่าย เพิ่มอัตราส่วนทางการเงินให้ดูสวยงาม แต่หุ้นที่มีหนี้จำนวนมาก คือหุ้นที่เราควรจะหลีกเลี่ยง บริษัทคุณภาพดีจำนวนไม่น้อยก็ประสบปัญหาล้มละลายเพราะหนี้ เพราะในเวลาทุกอย่างดูดี เจ้าหนี้จะไม่ค่อยมายุ่งกับธุรกิจ แต่พอทุกสิ่งเข้าสู่ช่วงยากลำบาก เจ้าหนี้เริ่มตั้งข้อสงสัยและจะดึงเงินกลับอย่างรวดเร็ว วิกฤตเศรษฐกิจจนถึงวิกฤตบริษัทส่วนมากมักเกิดจากปัญหา “สภาพคล่องและหนี้” เช่นกรณีวิกฤตตั๋ว B/E ในปีนี้ก็ทำให้หุ้นหลายตัวเป็นหุ้นปลิดชีวิต

3.”หุ้นล้าสมัย” ในยุคนี้ ความล้าสมัยไม่เพียงแต่ทำให้ธุรกิจเติบโตไม่ได้ แต่อาจทำให้ธุรกิจล้มหายไปเลย เพราะการแข่งขันที่ “ข้ามสนาม” สมัยนี้ธุรกิจใหญ่ ๆ หรือหลาย ๆ สินค้าจะเป็นลักษณะกินรวบมากขึ้น และหุ้นล้าสมัยมีลักษณะหนึ่งที่คล้ายกันคือ ลูกค้าใหม่ไม่ปรากฏ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่มานาน และเป็นกลุ่มคนสูงอายุ หุ้นลักษณะนี้จะค่อย ๆ ปลิดชีวิตเราอย่างช้า ๆ ผลประกอบการจะทรงและทรุด จนถึงวันที่บริษัทกลายเป็นหุ้นราคาถูกเรื้อรัง

4.”หุ้นบินก่อนผ่อนที่หลัง” หุ้นที่ธุรกิจสบายในวันนี้แต่จะลำบากในอนาคต เป็นหุ้นที่ควรระวัง เช่นธุรกิจที่เลียนแบบได้ง่าย คนทำคนแรกก็จะสบายก่อนและลำบากทีหลังเมื่อคู่แข่งใหม่เข้ามา หุ้นที่หลาย ๆอย่างดูดี โตสูง ต้องระวังว่าอนาคตจะยั่งยืนต่อไปได้หรือไม่ เหมือนกับคำพูดที่ว่าแชมป์เป็นง่ายแต่รักษาแชมป์ยากกว่า หรือธุรกิจวัฏจักรหรือหุ้นโภคภัณฑ์ในวันที่ทุกอย่างสวยหรู คือหุ้นที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากเมื่อวงจรขาลงมาถึง หุ้นประมูล หุ้นโครงการ ก็มีโอกาสเข้าข่ายลักษณะนี้ถ้าแข่งขันกันสูง หรือธุรกิจมุ่งแต่จะคว้างาน ผลสุดท้ายธุรกิจได้งานจำนวนมาก แต่ไม่สร้างกำไร ธุรกิจที่ดีควรจะลำบากในวันนี้ แต่ “สบายสุด ๆ” อย่างถาวรในอนาคต

5.”หุ้นอริเทคโนโลยี” เพื่อนที่จำเป็นที่สุดของธุรกิจในยุคนี้ น่าจะชื่อว่า “เทคโนโลยี” ธุรกิจไหนที่นำเทคโนโลยีมาใช้ได้ดีที่สุดคือผู้ชนะ ยุคนี้คำว่า disruptive technology หรือเทคโนโลยีที่ทำลายล้างนั้นถูกพูดถึงบ่อย แต่ถ้าสังเกตจะพบว่าเทคโนโลยีประจำวันที่เราใช้อยู่ปัจจุบันล้วนทำลายล้างสิ่งเก่า ๆ ทั้งสิ้น หุ้นที่ต่อต้านเทคโนโลยี ส่วนมากจะมีจุดจบที่ไม่ดี ดังนั้นเทคโนโลยีนอกจากต้องไม่เป็นภัยต่อสินค้าบริการ ธุรกิจ กระบวนการ เครื่องจักร บริษัทยังต้องมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดีกว่าคู่แข่ง เทคโนโลยีคือโอกาสและความเสี่ยงที่สุดอย่างหนึ่งของโลกธุรกิจยุคนี้

6.”หุ้นเบี้ยล่าง” บ่อยครั้งนักลงทุนมักให้ราคากับหุ้นผู้ตามมากกว่าผู้นำ เนื่องจากหุ้นผู้ตามมีขนาดเล็กกว่า โอกาสการเติบโตจึงสูงกว่า หุ้นเบี้ยล่างมักมีขนาด market cap ไม่ใหญ่ นักลงทุนก็หวังกำไรโตก้าวกระโดดรายไตรมาส หุ้นเหล่านี้ในสนามธุรกิจเป็นเบี้ย แต่ราคาหุ้นเหมือนเป็นขุน ธุรกิจที่แข่งขันกันหนัก ๆ เราจะรู้ว่าไม่ใช่ง่ายที่ธุรกิจเล็กจะแข่งขันชนะธุรกิจใหญ่กว่าได้ หุ้นเบี้ยล่างที่ประสบความสำเร็จได้ ต้องไม่ถูกธุรกิจใหญ่บีบให้อยู่ในเกมการแข่งขัน แต่ต้องสามารถ “หนี” ไปทำในสิ่งที่ธุรกิจใหญ่ทำไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนในกระดานหมากรุก คือเบี้ยมักจะตายก่อน

7.”หุ้นพึ่งคนอื่น” หุ้นที่ต้องพึ่งปัจจัยบางอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ ย่อมมีเหตุให้เกิดเหตุการณ์ “ที่พักพิง” นั้นหายไป แม้ว่าทุกธุรกิจต้องพึ่งพาคนอื่น แต่จุดสำคัญคือ ธุรกิจที่มี “ทางเลือก” ในการพึ่งคนหลาย ๆ คนย่อมได้เปรียบกว่า เช่น ลูกค้ามีพันคน ย่อมปลอดภัยกว่าลูกค้าไม่กี่คน มีซัพพลายเออร์หลายรายย่อมปลอดภัยกว่ามีรายเดียว พึ่งพาใบอนุญาตเพียงใบเดียวที่ออกจากรัฐ ย่อมเสี่ยงกว่าธุรกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาใบอนุญาต

8.”หุ้นเด่นราคาฟ้าประทาน” ไม่ว่าหุ้นจะดีขนาดไหน การซื้อหุ้นในราคาแพงย่อมทำให้ผลตอบแทนเงินลงทุนเราแย่ลง หุ้นกลุ่มนี้มักจะมี story ยอดเยี่ยม ราคาหุ้นขึ้นตลอด มีคนพูดถึงมาก ยิ่งหุ้นขึ้นรุนแรงเท่าไร ยิ่งมีความเสี่ยงเท่านั้น หุ้นน่าเบื่อไม่เคยปลิดชีวิต สิ่งที่หวือหวาต่างหากที่อันตราย