นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ดูดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นปัจจัยที่ช่วยให้การจัดเก็บรายได้ภาษีในปีงบประมาณ 2561 ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังได้จัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีไว้ตั้งแต่ปลายปีงบประมาณ 2560 ซึ่งคงนำมาตรการเดิมๆ ที่เคยวางแผนไว้มาเสริมในการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณนี้ด้วย
“ประกอบกับที่กรมสรรพากรเตรียมเสนอกฎหมายเก็บภาษีอีคอมเมิร์ซ ก็น่าจะทันปีงบประมาณนี้ จะทำให้เราปิดช่องโหว่ภาษีที่จะหายไปด้วย ขณะเดียวกันการดำเนินการในเรื่อง National e-Payment ที่จะมีการทำใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เหล่านี้จะช่วยให้การเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็คิดว่าน่าจะทำให้เก็บภาษีได้ตามเป้าที่ตั้งไว้” นายสมชัยกล่าว
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในปีนี้คาดหวังว่ากรมสรรพากรจะสามารถขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากมาตรการต่างๆ ที่ออกไป ตลอดจนขยายฐานภาษีนิติบุคคลโดยดึงให้เข้าสู่ระบบให้ได้มากขึ้น
“กรมสรรพากรต้องออกแรง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหลายมาตรการ ทั้งบัญชีเดียว การสนับสนุนให้บุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล การดึงร้านทอง ร้านแว่นตา เข้าสู่ระบบ นอกจากนี้การดึงเจ้าหนี้นอกระบบเข้ามาเป็นพิกโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ ก็จะเป็นฐานภาษีใหม่เช่นเดียวกัน ก็หวังว่ามาตรการต่างๆ ที่ทำมาจะเห็นผล” ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว
ขณะที่ในส่วนของกรมศุลกากรที่รายได้ลดลงจากข้อตกลงการค้าเสรีต่างๆ นั้น ก็ต้องยอมรับว่า แนวโน้มภาษีศุลกากรก็จะลดลงเรื่อยๆ เพียงแต่กรมศุลกากรจะต้องดำเนินการปิดรูรั่ว ทั้งการสำแดงราคาต่ำ การสำแดงพิกัดผิด และการสำแดงปริมาณสินค้าที่นำเข้าผิด