ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นราว 1% จากการปิดบ่อน้ำมันชั่วคราวหลังกองกำลังทหารอิรักเข้ายึดเมืองเคอร์คุก

+ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 1% หลังจากที่กองกำลังทหารอิรักเข้ายึดเมือง Kirkuk คืนจากกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการปิดบ่อน้ำมันดิบ Bai Hassan และ Avana เป็นการชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย ซึ่งทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของประเทศอิรักปรับลดลงราว 350,000 บาร์เรลต่อวัน

+ ความกังวลต่ออุปทานและการส่งออกที่อาจไม่ต่อเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบ แม้รัฐบาลอิรักได้เข้าควบคุมบ่อน้ำมัน แต่ท่อส่งน้ำมันดิบยังคงดำเนินการโดยกลุ่มรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) ซึ่งถูกตุรกีประกาศข่มขู่ว่าจะปิดการส่งน้ำมันผ่านท่อไปยังท่าเรือ Ceyhan ของตุรกี

+ นอกจากนี้ ตลาดยังคงมีความกังวลในการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อประเทศอิหร่าน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะลงนามรับรองว่ารัฐบาลอิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ แม้ว่าผู้ตรวจสอบจากนานาชาติได้ให้การยืนยันแล้วก็ตาม

+ ราคาน้ำมันดิบมีแรงหนุนจากการที่แท่นขุดเจาะน้ำมันในทะเลสาบ Pontchartrain ในรัฐหลุยเซียน่าของสหรัฐฯ เกิดการระเบิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบคราบน้ำมันหรือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณโดยรอบ

+ อุปสงค์ในการใช้น้ำมันยังคงแข็งแกร่งโดยเฉพาะในประเทศจีน หลังธนาคารกลางจีนออกมาประกาศการคาดการณ์เศรษฐกิจในจีนจะเติบโตขึ้นถึง 7% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่ยังแข็งแกร่งแม้ว่าจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 แล้วก็ตาม ประกอบกับแรงหนุนจากการนำเข้าน้ำมันเบนซินของประเทศอินโดนีเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่สิงค์โปร์ปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปกติ อย่างไรก็ดี อุปทานในภูมิภาคมีแนวโน้มปรับเพิ่มจากการที่โรงกลั่นในทวีปเอเชียยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48 – 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53 – 58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลง จากการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากผลกระทบของพายุเฮอริเคน Nate ประกอบกับโรงกลั่นหลายแห่งยังคงอัตราการกลั่นในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการใช้น้ำมันที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์ล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค.60 ปรับลดลงราว 2.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 462.2 ล้านบาร์เรล

ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักว่าจะรุนแรงและกระทบตลาดน้ำมันหรือไม่ หลังในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) เขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรักจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรัก สร้างความไม่พอใจให้กับนานาประเทศ รวมถึงรัฐบาลกลางของอิรัก โดยล่าสุด สถานการณ์ความตึงเครียดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หลังกองทัพของอิรักและอิหร่านเตรียมฝึกซ้อมทางทหารบริเวณพื้นที่ชายแดนของอิหร่าน ซึ่งติดกับพื้นที่ของเคอร์ดิสถาน เพื่อแสดงแสนยานุภาพ นอกจากนี้ ศาลอิรักยังออกหมายจับผู้นำของ KRG และผู้ช่วยอีก 2 คน หลังจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรัก

จับตาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีแผนที่จะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งได้มีการตกลงกันตั้งแต่เดือน ก.ค. 58 โดยมี 6 ประเทศร่วมการเจรจาครั้งนี้ ได้แก่ สหรัฐฯ รัสเซีย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส และเยอรมนี โดยในวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา นายทรัมป์ปฏิเสธที่จะรับรองว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ และให้สภาคองเกรสตัดสินใจว่าจะนำมาตรการคว่ำบาตรกลับมาใช้กับอิหร่านอีกครั้งหรือไม่