จับตาฟันด์โฟล์ว-โควิด กดบาทแข็ง 30.50 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาท
ภาพจาก Pixabay

แบงก์ มองกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวแข็งค่า 30.00-30.50 บาทต่อดอลลาร์ เกาะติดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายหลัง ธปท.งัดมาตรการรักษาสมดุล พร้อมจับตาโควิด-19 เสี่ยงระบาดระลอก 2 ในสหรัฐฯ-ยุโรป รับเดือนพ.ย.พบเงินทะลักเข้าตลาดบอร์ด-หุ้น 7.4 หมื่นล้านบาท กดดันบาทแข็งค่าเร็ว

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2563 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทในสัปดาห์หน้า (23-27 พ.ย.63) อยู่ที่ 30.15-30.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมานั้น มองว่าเป็นมาตรการระยะยาว ซึ่งน่าจะเห็นผลใน 3-4 ปีข้างหน้า

เนื่องจากการเปิดให้นักลงทุนรายย่อยออกไปลงทุนในต่างประเทศ อาจจะต้องใช้เวลา เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้จะยังไม่กล้าออกไปลงทุนในต่างประเทศมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในประเทศ ดังนั้นการเห็นกระแสเงินไหลออกจากกลุ่มคนชั้นกลางอาจจะไม่เร็วนัก เมื่อเทียบกับนักลงทุนกลุ่มมั่งคั่งที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศนานแล้ว

อย่างไรก็ดี แนวโน้มเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าได้ หากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า เช่น โควิด-19 เกิดการระบาดระลอก 2 จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น แต่จะเห็นหลุดมาอยู่ที่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์อาจจะยาก เนื่องจากธปท.เข้าไปประคองไม่ให้แข็งค่าจนเกิดไป ประกอบกับค่าเงินในภูมิภาคเอเชียมีทิศทางอ่อนค่า เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ทั้งนี้ จะเห็นว่ากระแสเงินทุนไหลเข้าในเดือน พ.ย. เข้ามาลงทุนในบอร์ดระยะสั้นชัดเจน โดยตัวเลขซื้อสุทธิอยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท และซื้อหุ้นสุทธิ 3.1 หมื่นล้านบาท รวมเงินลงทุนสุทธิ 7.4 หมื่นล้านบาท ถือเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเดือนอื่น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากข่าวการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา และข่าวดีเรื่องการพัฒนายาวัคซีน ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจและเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งกดดันค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วในเดือนนี้

“มาตรการที่ ธปท.ออกมาไม่ได้ทำรุนแรงมาก และเป็นมาตรการที่ต้องใช้เวลา เพราะเป็นการปรับโครงสร้างค่าเงิน โดยจะปรับความเข้าใจนักลงทุนด้วย แต่เราก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีที่เห็นหลายๆ บริษัทหลักทรัพย์มีผลิตภัณฑ์ด้านการลงทึนที่หลากหลายมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลาที่จะเห็นฟันด์โฟลว์ของชนชั้นกลางไปลงทุนต่างประเทศ”

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทภายในสัปดาห์หน้า มองกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 30.00-30.40 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามต่อคือสัญญาณกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย เนื่องจากมาตรการของธปท.ที่ออกมาเน้นดูแลสมดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายไม่ใช่มาตรการสกัดเงินทุนไหลเข้า รวมถึงข้อมูลการส่งออกในเดือนต.ค. และสถานการณ์ทางการเมือง

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ยังค้างอยู่ จะเป็นเรื่องของสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ของสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งดูเป็นความเสี่ยงเพิ่มขึ้น และต้องติดตามอยู่


“เรายังคงต้องตามดูเรื่องของฟันด์โฟล์วหลังจากธปท.ออกมาตรการ หลังจากธปท.ประกาศมาตรการเมื่อวันที่ 20 พ.ย.จะเห็นการเข้าซื้อหุ้น และเทขายบอร์ด ทำให้ค่าเงินบาทวันนั้นอยู่ที่ระดับ 30.29 บาทต่อดอลลาร์ โดยส่วนหนึ่งมาจากมาตรการลงทะเบียนยืนยันตัวตน ซึ่งจากเดิมจะดูแค่ว่าใครได้ประโยชน์คนสุดท้าย มาเป็นดูตั้งแต่ต้นทางของการลงทุน”