ธปท.หวัง FX Ecosystem หนุนเงินบาทเคลื่อนไหว 2 ทาง

ชญาวดี ชัยอนันต์
ชญาวดี ชัยอนันต์

ธปท.จ่อออกมาตรการดูแลค่าเงินเพิ่มเติม ลั่นเป็นแนวทางดูแลในแพ็กเกจใหญ่ที่แก้ปัญหาค่าเงินเชิงระบบนิเวศ FX Ecosystem หวังเงินบาทเคลื่อนไหว 2 ทิศทาง-ผู้ประกอบการทนทานเงินบาทได้ ยอมรับพบพฤติกรรมเงินไหลเข้า-ออกเก็งกำไรบางส่วน ย้ำมาตรการดูแลต้องดูตามความเหมาะสมระยะสั้น-ยาว ระบุ การเคลื่อนไหวค่าเงินเดือน พ.ย. แข็งค่า 2.9%

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจาก ธปท.ออกมาตรการดูแลโครงสร้างระบบนิเวศอัตราแลกเปลี่ยน 3 มาตรการก่อนหน้านี้ ซึ่งในเบื้องต้นในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ธปท.เตรียมจะแถลงมาตรการเพิ่มเติมซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจใหญ่เพื่อดูแลปัญหาเชิงโครงสร้างอัตราแลกเปลี่ยน โดยมุ่งหวังให้เงินบาทเคลื่อนไหวใน 2 ทิศทาง และให้ผู้ประกอบการสามารถมีความทนทานต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ในอนาคต ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาให้ครบองค์ประกอบ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่านักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาดแห่งหลักทรัพย์ (ตลท.) ผ่านพันธบัตรระยะสั้นมีพฤติกรรมที่มีทั้งการเก็งกำไรระยะสั้น และการลงทุนเพื่อดูแลสภาพคล่องระยะสั้น ซึ่งธปท.ได้ติดตามพฤติกรรมเงินเข้าและออก ซึ่งยอมรับว่ามีกลุ่มที่เข้ามาลงทุนเพื่อเก็งกำไร เนื่องจากตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และไทยมีผลตอบแทนและค่าเงินที่ค่อนข้างผันผวนอยู่แล้ว จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ธปท.ออกมาตรการดูแลผ่านการให้นักลงทุนเข้ามาลงทะเบียน

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน-ปัจจุบัน (2-27 พ.ย.63) พบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยเฉลี่ย 2.9% จากเดือนตุลาคมที่แข็งค่า 0.4% หากดูการเคลื่อนไหวตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบันพบว่ามีการแข็งค่าราว 1.1%

“ตอนนี้เราติดตามค่าเงินบาทตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเห็นว่าค่าเงินบาทค่อนข้างผันผวน ซึ่งมาตรการที่จะคุยในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ อยู่ในไปป์ไลน์ที่อยู่บนโต๊ะ เพื่อดูแล FX Ecosystem อยู่แล้ว และจะเห็นว่าหลังจากมีข่าววัคซีนและการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทำให้ตลาดมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทำให้มีเงินไหลเข้าไทย แต่ก็เป็นเงินที่เคยไหลออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งยอมรับว่ามีบางส่วนที่เข้ามาเก็งกำไร

ดังนั้น มาตรการที่จะออกมาเพิ่มเติมจะดูตามความเหมาะสม รวมถึงการออกบอนด์ระยะสั้นก็ที่เป็นเครื่องมือหนึ่งในการลงทุน ซึ่งเราก็ต้องดูทิศทางและความต้องการของตลาด เพราะถือเป็นการระดมทุนระยะสั้นของภาครัฐเช่นกัน ซึ่งเราก็ไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะจะเกิดผลข้างเคียง”