ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรของนลท.-ความกังวลสต๊อกน้ำมันสำเร็จรูปสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงมากกว่า 1% จากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากก่อนหน้านี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน ประกอบกับนักลงทุนปรับลดการซื้อลง เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสสำหรับส่งมอบเดือน พ.ย. จะปิดสัญญาการซื้อขายในวันนี้

– ตลาดยังคงกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์น้ำมันของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ (18 ต.ค.) สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ รายสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ต.ค.60 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 0.91 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้กว่าสามเท่า

+ อย่างไรก็ดี ตลาดคาดการณ์ว่าผู้ผลิตน้ำมันดิบทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปจากสิ้นเดือน มี.ค. 61 เพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบ โดยล่าสุด (19 ต.ค.) นายโมฮัมเหม็ด บาร์คินโด เลขาธิการของกลุ่มโอเปก กล่าวว่ากลุ่มผู้ผลิตโอเปกกำลังพิจารณาข้อเสนอของรัสเซียที่จะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีหน้า ซึ่งการกำหนดนโยบายดังกล่าวอาจได้รับพิจารณาในการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่าตลาดน้ำมันกำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ท่ามกลางความต้องการใช้น้ำมันที่แข็งแกร่ง

+ บ่อน้ำมันดิบ Bai Hassan และ Avana ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดสองแห่งในเมือง Kirkuk ยังคงปิดดำเนินการผลิต หลังจากกองทัพอิรักสามารถยึดบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ทั้งสองจากชาวเคิร์ดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบราว 3.5 แสนบาร์เรลต่อวัน และการส่งออกน้ำมันจากบ่อขนาดใหญ่ดังกล่าวยังคงชะงัก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นเกินคาด ท่ามกลางอุปสงค์ที่มีแนวโน้มอ่อนตัวลง หลังจากสิ้นสุดฤดูกาลขับขี่ ประกอบกับอุปทานจากจีนที่มีเพิ่มขึ้น จากอัตราการกลั่นที่สูงขึ้นจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงแข็งแกร่ง

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากถูกกดดันจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ชะลอตัวลง รวมถึงการส่งออกจากจีนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48 – 53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 55 – 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรัก หลังจากในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) เขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรักจัดการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรัก สร้างความไม่พอใจให้กับนานาประเทศ รวมถึงรัฐบาลกลางของอิรัก โดยล่าสุดสถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากที่กองกำลังทหารอิรักเข้ายึดเมือง Kirkuk คืนจาก KRG ส่งผลให้มีการปิดบ่อน้ำมันดิบ Bai Hassan และ Avana ชั่วคราว และทำให้การผลิตน้ำมันดิบราว 3.5 แสนบาร์เรลต่อวันต้องหยุดชะงัก

กลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มที่จะขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตราว 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 61 ต่อไปอีกราว 6 – 9 เดือน ซึ่งอาจมีการกำหนดนโยบายดังกล่าวในการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. 2560 นี้ ณ กรุงเวียนนา

ติดตามความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ประกาศจะไม่รับรองข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านได้เคยทำสัญญาไว้ในปี 2558 แม้ว่าผู้ตรวจสอบจากนานาชาติได้ยืนยันข้อตกลงดังกล่าวแล้วก็ตาม โดยระบุว่าอิหร่านได้ละเมิดข้อตกลงอยู่หลายครั้ง ทั้งนี้ การล้มเลิกข้อตกลงดังกล่าวอาจทำให้อิหร่านเผชิญกับการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอีกครั้ง และจะส่งผลให้อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกในปริมาณที่จำกัด

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน Nate โดยล่าสุด สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 ต.ค.60 ปรับลดลงราว 5.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 456.6 ล้านบาร์เรล