กรุงไทย ชี้รีสตาร์ตเศรษฐกิจไทยปี 64 เร่งเชื่อมโยงวันแพลตฟอร์ม

เศรษฐกิจรากหญ้า-SMEs

กรุงไทย เผยโควิด-19 ทิ้ง 3 มรดก เศรษฐกิจยึดติดกับการท่องเที่ยว-หนี้ครัวเรือนสูง-พฤติกรรมความปกติใหม่ ชี้ 2 Key Driver สำคัญสู่ความยั่งยืน แนะลงทุนด้านน้ำฉวยโอกาสดอกเบี้ยต่ำอุ้มภาคเกษตร ก้าวสู่ Digital Economy ดันคนไทยใช้ระบบ 40 ล้านคน พร้อมดัน e-Market Place ช่วยเอสเอ็มอีขายของบนแพลตฟอร์มคาดตัวเลขคนไทยช้อปออนไลน์พุ่ง 3 เท่า มูลค่า 6-7 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวภายในงานดินเนอร์ทอร์คหัวข้อ “Restart Thailand 2021 ขับเคลื่อนประเทศไทย” ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจและฐานเศรษฐกิจ ว่า ประเทศไทยได้ผ่านสถานการณ์ที่เรียกว่า “Perfect Storm” ซึ่งในเบื้องต้น คือ อยู่ให้รอด เพราะก่อนจะมีโควิด-19 ไทยและทั่วโลกเผชิญการเปลี่ยนแปลงทางการค้าและการลงทุน รวมถึงการถาโถมของปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า หรือการพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวและบริการ เป็นต้น

ผยง ศรีวณิช

อย่างไรก็ดี การเกิดโควิด-19 ทำให้เกิด 3 มรดกซึ่งทำให้ไทยได้รู้โครงสร้างเศรษฐกิจ จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเองมากขึ้น โดย 3 มรดก ประกอบด้วย 1.การเติบโตของประเทศเกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว โดยมีการพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างประเทศกว่า 80% ของจีดีพี ซึ่งเป็นการกระจุกตัวของความเสี่ยง ทำให้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ 2.ถูกจำกัดด้วยหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นจาก 78% มาอยู่ที่ 83% ในปี 2563

และ 3.การก้าวเข้าสู่ความปกติใหม่ (New Normal) พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยรแปลงรวดเร็ว การนำเทคโนโลยีมาใช้โดยมีการปรับไลฟ์สไตล์ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี โดยมีการคำนึงถึงเรื่องสุขภาพ (Wellness) มากขึ้น และเริ่มหันมามองถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งใน 3 มรดกเป็นเรื่องท้าทายที่แตกต่างกัน แต่ทำให้เราเห็นอนาคตชัดเจนว่าขับเคลื่อนแบบไหน ความเสี่ยงเป็นแบบไหน

อย่างไรก็ดี การขับเคลื่อนจะมี 2 Key Diver ที่จะนำไปสู่การ Restart คือ 1.ความยั่งยืนเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (Climate Change) ซึ่งจะต้องตอบโจทย์เรื่องของ ESG เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ทำให้มีผลผลิตที่สามารถประคับประคองได้ แต่หากดูเรื่องของการลงทุน จะพบว่าไทยลงทุนในเรื่องของน้ำค่อนข้างน้อยอยู่ที่ 6.4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับการลงทุนด้านขนส่ง 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้อยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงเป็นโอกาสในการลงทุนระยะยาว เนื่องจากภาคเกษตรถือเป็นสนับสนุนเรื่องของ Local Economy หรือเศรษฐกิจท้องถิ่น

และ 2.Digital Economy สะท้อนการขับเคลื่อนของประเทศ ซึ่งหากมองย้อนกลับไปไทยได้ประกาศเดินอย่างต่อเนื่องสู่ Thailand 4.0 หากไม่เกิดก่อนโควิด-19 ประเทศไทยจะไม่มี Digital Platform การใช้ประโยชน์เพื่อเข้าถึงประชาชนทุกภาคส่วนในการจัดสรรความช่วยเหลือ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการผ่านการตอบโจทย์เรื่องความช่วยเหลือ และยังบูรณาการของประเทศ ซึ่งมีการประกาศวางจุดชำระเงินทั่วทุกตำบล โดยให้ผู้มีรายได้น้อย 14.6 ล้านคน ซึ่งได้เข้าถึงและเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม หากดูการซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซ จะพบว่าปี 2563 มีมูลค่า 2.2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 35% เมื่อเทียบเศรษฐกิจไทยหดตัว -6.5% ซึ่งจากรายงานพบว่าคนไทยซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่า 1.3 เท่าจากปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าภายใน 5 ปี หรือ 6-7 แสนล้านบาท ซึ่งเทียบกับประเทศในภูมิภาคมีอัตราการเติบโตเช่นกัน อาทิ อินโดนีเซียที่มีมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากไทยไม่ปรับตัวให้เทียบเคียงจะทำให้การลงทุนถูกย้ายไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะกระทบระบบเศรษฐกิจประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรัฐบาลจึงมีแผนขับเคลื่อนเชิงรุกในปี 2564

“การปรับตัวเข้าสู่ New Economy มี 3 เรื่อง คือ โครงสร้าง กระบวนการ และความรู้ประชาชน ซึ่ง 3 เรื่องจะนำไปสู่ New Business ซึ่งในช่วงที่มีโควิด-19 จะเห็นความร่วมมือชัดเจน และรัฐบาลตัดสินใจเรื่อง Digital Connectivity ช่วยเหลือประชากรกว่า 20 ล้านคนผ่านโครงการเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งสามารถทราบความเดือดร้อนได้ทันทีว่าเป็นใครภายใน 1 วัน และยังมี Thailand Digital Platform ซึ่งจะมีโครงการและมาตรการความช่วยเหลือต่าง ๆ มากมายที่เข้าระบบถึง 40 ล้านคน บน Digital Platform ของรัฐบาลเรียบร้อย เพื่อเข้าสู่ Next Normal”

สำหรับ Economy Platform ที่พัฒนาจะต้องมีการเชื่อมโยงร่วมกัน เพื่อให้เข้าถึงประชากรทุกระดับชั้น ทุกอาชีพ และทุกวรรณะ โดยต้องตอบโจทย์ One Platform ที่ใช้ทุกภาคส่วนให้เข้ามาเชื่อมโยง ซึ่งจะทำแบบ B to B หรือ B to G และภาคประชาชนจะต้องปรับตัวเรื่องของทักษะความรู้ด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ทั้งนี้ การเปลี่ยนผ่านปี 63 และ Restart ปี 64 จะสามารถเชื่อมโยงกับบริบททุกภาคส่วน โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่จะมี Market Place และส่งเสริมด้านขนส่ง Logistic เพื่อให้การส่งของมีประสิทธิภาพ และรับรายได้เต็มหน่วย

“เศรษฐกิจเดินเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ Next Normal ทุกคนต้องเตรียมตัว เตรียมความพร้อมปรับตัวด้วย Driver ใหม่ ๆ โดยรูปแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”