โควิดรอบใหม่ทุบ “เช่าซื้อ” ปีฉลู ดับฝันเป้ายอดขายรถเกิน 8 แสนคันแป้ก

เช่าซื้อรถยนต์

“ธุรกิจเช่าซื้อ” ปีฉลูฝันค้าง ส่อโตต่ำกว่าปี’63 สะดุด “โควิด” ระบาดรอบใหม่ “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” เร่งรีวิว “ยอดขายรถยนต์-สินเชื่อ” ใหม่ หวั่นยอดขายรถใหม่ไม่ถึง 8 แสนคัน-สินเชื่อเช่าซื้อโตต่ำกว่า 3.7% ขณะที่ “ประธานสมาคมเช่าซื้อไทย” ลุ้นผลกระทบเบากว่าการระบาดรอบแรก ชี้ต้องเข้มปล่อยสินเชื่อกลุ่มเสี่ยงเหมือนเดิม จากเดิมเตรียมผ่อนคลาย

แหล่งข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ศูนย์วิจัยฯอยู่ระหว่างทบทวนตัวเลขการเติบโตของธุรกิจเช่าซื้อในปี 2564 ใหม่ จากที่เดิมช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ได้ประมาณการไว้ว่า ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ในระบบธนาคาร ในปี 2564 จะขยายตัวอยู่ที่ 3.7-4.5%

เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.7% รวมถึงประมาณการยอดขายรถยนต์ใหม่ที่เดิมคาดว่าจะเติบโตในกรอบ 7-11% หรือคิดเป็นยอดขาย 8.26-8.55 แสนคัน คาดว่าจะลดลงเช่นกัน

ทั้งนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ที่มีความรุนแรงขึ้น จะส่งผลกระทบและเป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้ปรับลดลง ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องมายังธุรกิจเช่าซื้อและยอดขายรถยนต์ให้ปรับลดลงตามแรงกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ถดถอยลงจากประมาณการเดิม

“ตอนนี้ต้องมาทบทวนประมาณการหลาย ๆ ตัวใหม่ จากช่วงแรกมองว่าการระบาดโควิด-19 รอบใหม่น่าจะขยายวงไม่มาก จึงคาดว่ากรอบล่างที่ประมาณการไว้ว่า เช่าซื้อปีนี้จะโตได้ที่ 3.7% น่าจะยังอยู่ในกรอบ แต่ปัจจุบันจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งอาจมีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวได้ ทำให้ภาพรวมธุรกิจและกำลังซื้ออาจปรับเปลี่ยนไป” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ปัจจัยเรื่องหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อ ยังเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในปี 2564 อีกด้วย โดยก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า หนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อยังอาจเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นท้าทายหลักที่เพิ่มขึ้นมา จากเดิมที่พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อมีสัดส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ค่อนข้างต่ำมาก แต่ทิศทางการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ หรือ SM (ค้างชำระตั้งแต่ 31-90 วัน) ณ ไตรมาส 3/2563 จากฐานข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพิ่มเป็น 9.18% จากระดับเฉลี่ย 7.2% ในช่วง 3 ปีก่อน เป็นการย้ำภาพปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อที่น่ากังวลมากขึ้น

นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ ในฐานะประธานสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สมาคมอยู่ระหว่างวิเคราะห์และหารือกันถึงความเป็นไปได้ถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยระดับใด โดยในเบื้องต้นอาจจะต้องรอดูความชัดเจนภายในเดือน ม.ค.นี้ก่อนว่า หลังการประกาศปิดพื้นที่เสี่ยง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้หรือไม่ หรือจะมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้นหรือไม่ และจะกระทบต่อธุรกิจเช่าซื้ออย่างไร

“ภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อประเมินว่าอาจจะกระทบบ้าง แต่ยังมองว่าไม่รุนแรงเท่ารอบที่มีการระบาดรอบแรกในเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่กระทบยอดขายรถใหม่ปรับลดลงถึง 50-60% และราคารถมือสองปรับลดลงแรง อย่างไรก็ดี ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตอาจจะต้องมีการทบทวนอีกครั้ง จากเดิมที่ประเมินกันเมื่อช่วงก่อนจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ปีนี้จะอยู่ที่ราว 8 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่คาดว่ายอดขายรถยนต์จะจบอยู่ที่กว่า 6 แสนคัน” นายวิสิทธิ์กล่าว

นอกจากนี้ การปล่อยสินเชื่อก็อาจจะไม่ได้ผ่อนคลายขึ้น หรือยอดปฏิเสธสินเชื่อ(reject rate) ลดลง อย่างที่เคยประเมินก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถาบันการเงินจะยังคงเข้มงวดการคัดกรองลูกค้ากลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มสายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น เช่นเดียวกับช่วงต้นปี 2563 จากเดิมที่ก่อนโควิดระบาดรอบใหม่ คิดว่าจะผ่อนคลายกลุ่มเหล่านี้มากขึ้น

“เชื่อว่าสถาบันการเงินจะต้องกลับมาเข้มงวดในการสกรีนลูกค้า เหมือนช่วงต้นปี 2563 โดยจะต้องทบทวนเซ็กเมนต์ และเลือกกลุ่มลูกค้ากันใหม่” นายวิสิทธิ์กล่าว

ขณะที่แผนการช่วยเหลือลูกค้า นายวิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกสถาบันการเงินน่าจะเตรียมความพร้อมไว้แล้ว เพียงแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อนำมาปรับแผน รวมถึงต้องรอธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าคงน่าจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือลูกค้าต่อเนื่อง หากเหตุการณ์มีความรุนแรงจนกระทบลูกค้า และธุรกิจมากขึ้น

“ถ้าสถานการณ์รุนแรงและมีการประกาศล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ก็คงส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อ ทั้งรถใหม่ รถเก่าแน่นอน แต่ปัจจุบันจะเห็นว่าเป็นการล็อกดาวน์แบบกึ่ง ๆ ก็มีผลต่อธุรกิจโรงแรมและสายการบิน ที่ถูกยกเลิกการจอง และบางธุรกิจที่โดนสั่งปิดบางส่วน ซึ่งจะสะท้อนมายังกำลังซื้อและกำลังการผ่อนชำระหนี้ได้” นายวิสิทธิ์กล่าว