ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลดสู่ระดับ “ร้อนแรง” โควิดระลอกใหม่เป็นเหตุ

“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับลดสู่ระดับ “ร้อนแรง”-“โควิดระลอกใหม่ในประเทศ-ท่องเที่ยวซึมยาว” เป็นเหตุกดดัน นักลงทุนคาดหวังฟันด์โฟลว์ไหลเข้ารับข่าวดีวัคซีน หลังตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นเคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจเพียบ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือน ธ.ค. 2563 ว่า ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มี.ค. 2564) อยู่ที่ระดับ 130.63 ลดลง 19.1% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” มาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” แต่ยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเมื่อเทียบกับความเคลื่อนไหวของดัชนีตลอดทั้งปี โดยผลตอบแทนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ม.ค.-ธ.ค. 2563) ติดลบ 8.3% แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบต้นเดือนถึงปัจจุบัน (1-31 ธ.ค. 2563)

ไพบูลย์ นลินทรางกูร
ไพบูลย์ นลินทรางกูร

โดยนักลงทุนคาดหวังการไหลเข้าของเงินทุน (ฟันด์โฟลว์) หลัง 10 เดือนแรกนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไป 3 แสนล้านบาท แต่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายกลับมาซื้อสุทธิ 4 หมื่นล้านบาท ดังนั้นโอกาสของฟันด์โฟลว์ที่หายไปจะไหลกลับเข้ามาได้อีกพอสมควร เนื่องจากข่าวดีของการทยอยเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายประเทศ และมีเงินทุนไหลเข้ามายังกลุ่มเกิดใหม่ (Emerging market) โดยเฉพาะในตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีสัดส่วนหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical stock) สูง ส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นนไทยจะเป็นบวกสุทธิอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (กำไร บจ.) ก็เป็นปัจจัยหนุนตามมา ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุดคือ การท่องเที่ยว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศจากการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ รวมไปถึงความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยด้วย

โดยความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับตัวลดลง โดยกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 21% อยู่ที่ระดับ 117.95 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 23% อยู่ที่ระดับ 128.57 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวลดลง 24% อยู่ที่ระดับ 119.05 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 14% อยู่ที่ระดับ 150.00

“หุ้นธนาคาร (BANK) กลับมาเป็นกลุ่มที่นักลงทุนสนใจมากที่สุด จากเดือนกลุ่มคือหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ขณะที่หุ้นที่ไม่น่าสนใจมากที่สุดยังคงเป็นหุ้นท่องเที่ยว (TOURISM) โดยตลาดหุ้นไทยยังต้องติดตามผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว