สบน.แจงหนี้สาธารณะสิ้น พ.ค.อยู่ที่ 42.90% เพิ่มเฉียด 8 หมื่นล้านบาท

สบน.แจงหนี้สาธารณะสิ้น พ.ค.อยู่ที่ 42.90% เพิ่มเฉียด 8 หมื่นล้านบาท เหตุรัฐบาลกู้ล่วงหน้ามาเตรียมปรับโครงสร้างหนี้ FIDF ก้อนใหญ่ในเดือน มิ.ย.

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผบยว่า หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 มีจำนวน 6,347,824.38 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.90% ของ GDP โดยแบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 4,912,277.61 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจ 971,707.95 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 446,277.21 ล้านบาท และ หนี้หน่วยงานของรัฐ 17,561.61 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างเพิ่มขึ้นสุทธิ 79,903.50 ล้านบาท โดยหนี้รัฐบาล จำนวน 4,912,277.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสุทธิ 88,281.79 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นที่สำคัญเกิดจากการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 65,000 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ที่จะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน 2560

ทั้งนี้รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของหนี้รัฐบาล ดังนี้ การกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 65,000 ล้านบาท จากการออก R-bill จำนวน 45,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยแปลงเป็นตราสารหนี้ระยะยาวต่อไป และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่กู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่จะครบกำหนดในวันที่ 16 มิถุนายน 2560 วงเงิน 162,000 ล้านบาท

โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินตามแผนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 และพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 รวมถึงการกู้เงินเพื่อการบริหารหนี้สาธารณะ จำนวน 30,270 ล้านบาท

แบ่งเป็น เงินกู้ระยะสั้น เพิ่มขึ้น 34,000 ล้านบาท เนื่องจากการกู้เงินระยะสั้นเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาล เงินกู้ระยะยาว ลดลง 3,730 ล้านบาท เนื่องจากการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลไปเป็นเงินกู้ระยะสั้น 34,000 ล้านบาท การชำระคืนหนี้เดิม 13,830 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพื่อนำไปลงทุนในการพัฒนาประเทศ สร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจ พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง และส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมศักยภาพจำนวน 44,100 ล้านบาท

การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ จำนวน 1,935.61 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการกู้ให้กู้ต่อแก่ (1) การรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 1,020.70 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น จำนวน 588.89 ล้านบาท โครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย จำนวน 351.95 ล้านบาท โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต จำนวน 47.85 ล้านบาท โครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัยต่อการเดินรถ จำนวน 32.01 ล้านบาท และ (2) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้จำนวน 914.91 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง จำนวน 428.71 ล้านบาท สายสีน้ำเงิน 379.29 ล้านบาท และสายสีเขียว จำนวน 106.91 ล้านบาท

การกู้บาททดแทนการกู้เงินตราต่างประเทศ จำนวน 2,293 ล้านบาท เนื่องจากเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการ DPL จำนวน 293 ล้านบาท และเงินกู้การพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนนระยะเร่งด่วน จำนวน 2,000 ล้านบาท

การชำระหนี้ที่รัฐบาลกู้เพื่อชดใช้ความเสียหายให้แก่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 10,361.38 ล้านบาท โดยใช้เงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

หนี้ต่างประเทศลดลงสุทธิ 338.77 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และการเบิกจ่ายหนี้เงินเยนเป็นสำคัญ

หนี้รัฐวิสาหกิจ จำนวน 971,707.95 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 1,042.66 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดจากหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลงสุทธิ 1,592.10 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจาก การชำระคืนต้นเงินกู้ของการยางแห่งประเทศไทย 1,318 ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทยเบิกจ่ายเงินกู้ 1,000 ล้านบาท

หนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เพิ่มขึ้นสุทธิ 549 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกพันธบัตรสุทธิ 3,210 ล้านบาท และ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ชำระคืนต้นเงินกู้ 1,843.87 ล้านบาท

หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 446,277.21 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 6,463.58 ล้านบาท โดยรายการที่สำคัญเกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

หนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 17,561.61 ล้านบาท ลดลงสุทธิ 872.05 ล้านบาท โดยการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เนื่องจากสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายได้มีการชำระคืนต้นเงินกู้สุทธิ 926.74 ล้านบาท และ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านได้มีการเบิกจ่ายสุทธิ 54.87 ล้านบาท

นายธีรัชย์กล่าวด้วยว่า นี้สาธารณะ ณ สิ้นพฤษภาคม 2560 จำนวน 6,347,824.38 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ในประเทศ 6,031,071.20 ล้านบาท หรือ 95.01% และหนี้ต่างประเทศ 316,753.18 ล้านบาท (ประมาณ 9,339.12 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือ 4.99% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด และหนี้สาธารณะคงค้างแบ่งตามอายุคงเหลือ สามารถแบ่งออกเป็นหนี้ระยะยาว 5,436,751.11 ล้านบาท หรือ 85.65% และหนี้ระยะสั้น 911,073.27 ล้านบาท หรือ 14.35% ของหนี้สาธารณะคงค้างทั้งหมด