คลังปักหมุดระดมทุน9แสนล้าน ต้นกุมภาฯขายบอนด์ออมทรัพย์

คลังกางแผนระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้เพิ่มเป็น 9 แสนล้านบาทในปีงบประมาณ 2564 จากปีก่อนระดมทุนไปกว่า 8 แสนล้านบาท ชี้ภาพรวมต้นทุนยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ล่าสุดบอนด์ยีลด์ขยับขึ้นยกแผง เล็งเข็นบอนด์ออมทรัพย์ขายประชาชนทั่วไปต้น ก.พ.นี้

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในปีงบประมาณ 2564 สบน.มีความต้องการออกพันธบัตรในตลาดตราสารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีงบประมาณที่ผ่านมาที่มีความต้องการกู้เงินที่กว่า 8 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันต้นทุนการออกพันธบัตรยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทน (ยีลด์) ก็มีทั้งเพิ่มขึ้น และลดลงบ้างในแต่ละช่วง แต่โดยรวมแล้วยังถือว่ายังดี

แพตริเซีย มงคลวนิช
แพตริเซีย มงคลวนิช

ทั้งนี้ การออกพันธบัตรเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ สบน.ใช้ในการบริหารหนี้สาธารณะเท่านั้น โดยมีสัดส่วนคิดเป็น 29-30% ของเครื่องมือการบริหารหนี้ทั้งหมด ส่วนเครื่องมืออื่น ๆ อาทิ การออกตั๋วสัญญาการใช้เงิน (P/N) 30% การออกตั๋วเงินคลัง (treasury bill) ประมาณ 25% เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพันธบัตรออมทรัพย์อีกส่วนหนึ่ง

“ปีนี้เราคิดว่าจะออกบอนด์ออมทรัพย์ในช่วงต้นเดือน ก.พ. 2564 นี้ ตอนนี้กำลังออกแบบกันอยู่ ซึ่งจะให้ทุกคนทุกกลุ่มเข้าถึงได้เหมือนเดิม” นางแพตริเซีย กล่าว

ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ครั้งที่ 1 โดยส่วนหนึ่งจะมีการปรับปรุงเกี่ยวกับวงเงินกู้ที่ใช้ดูแลสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ. 2563 (พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท) ด้วย ซึ่งจะมีการนำวงเงินที่กู้ไม่เต็มกรอบที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ 2563 มาใส่ไว้ในแผนกู้ใหม่ในปีงบประมาณ 2564 นี้ด้วย

โดยในปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา เดิมมีการตั้งกรอบวงเงินกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ไว้ทั้งสิ้น 4.5 แสนล้านบาท แต่กู้จริงไปเพียง 3.73 แสนล้านบาท ทำให้ยังมีวงเงินเหลืออยู่ 7.62 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำวงเงินส่วนที่เหลืออยู่ดังกล่าวมาใส่ไว้ในแผนการกู้ใหม่ในปีงบประมาณ 2564 เพิ่มเติมจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 5.5 แสนล้านบาท รวมเป็น 6.26 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในกรณีหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่า 5.5 แสนล้านบาทดังกล่าว ก็จะสามารถดำเนินการกู้ได้ทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากตลาดตราสารหนี้ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (บอนด์ยีลด์) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2563 โดยบอนด์ยีลด์ อายุ 3 ปี อยู่ที่ 0.53% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 0.46%, อายุ 5 ปี อยู่ที่ 0.73% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 0.60%, อายุ 7 ปี อยู่ที่ 0.97% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 0.88%,

อายุ 10 ปี อยู่ที่ 1.30% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 1.28%, อายุ 15 ปี อยู่ที่ 1.60% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 1.45%, อายุ 20 ปี อยู่ที่ 1.85% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 1.72%, อายุ 30 ปี อยู่ที่ 2.11% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 2.06% และอายุ 50 ปี อยู่ที่ 2.49% เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่อยู่ที่ 2.48%