สรรพสามิต สรุปโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ มี.ค.นี้ หวังบังคับใช้ 1 ต.ค.64

ภาษียาเส้น-บุหรี่

สรรพสามิต เร่งสรุปโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ มี.ค.นี้ เพื่อทำให้มีผลบังคับใช้ทัน 1 ต.ค. 2564 ชี้ต้องตอบโจทย์ 4 เรื่องหลัก รับเก็บรายได้ลดลง 3% คาดทั้งปีต่ำเป้าเอกสารงบประมาณ หลังเศรษฐกิจไม่ฟื้น

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภายในเดือน มี.ค. 2564 นี้ จะได้ข้อสรุปเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ แล้วจะนำไปเสนอ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สรุปอีกครั้ง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป โดยจะทำให้โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่สามารถใช้ได้ในวันที่ 1 ต.ค. 2564 เพื่อรองรับการมาตรการเลื่อนการขึ้นภาษียาสูบเป็น 40% จากเดิมที่จัดเก็บที่ 20% อีกเป็นเวลา 1 ปี ที่จะสิ้นสุดในปีงบประมาณ 2564 ด้วย

สำหรับการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าว จะต้องตอบโจทย์ 4 เรื่องหลักให้ได้ คือ 1.การดูแลเกษตรกร 2.สุขภาพของประชาชน 3.ปราบปรามบุหรี่เถื่อน และ 4.การจัดเก็บรายได้ของกรม ซึ่งจะไม่มีข้อใดมากหรือน้อยกว่า จะพยายามทำให้เหมาะสมและสมดุลมากที่สุด

ส่วนกรณีที่เกษตรกรชาวไร่ยาสูบแสดงความไม่พอใจกับการที่กรมพิจารณาให้ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ปลูกเป็นพืชทดแทนยาสูบนั้น หากเกษตรกรไม่พอใจกับสิ่งที่กรมเลือกให้ ก็สามารถปลูกพืชชนิดอื่นแทนได้ โดยกรมพิจารณาพืชทดแทนยาสูบอยู่ 10 ชนิด ซึ่งสาเหตุที่เลือกข้าวโพดนั้น เป็นเพราะว่าการปลูกพืชดังกล่าวมีการประกันรายได้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร อย่างไรก็ดี กรมจะให้สรรพสามิตในพื้นที่เข้าไปใช้ความรู้และทำความเข้าใจกับเกษตรกรอีกครั้ง

ขณะที่แนวทางใช้กัญชง กัญชา เป็นพืชทดแทนให้กับเกษตรกรนั้น จะต้องดูกฎหมายว่าขณะนี้เอื้ออำนวยอย่างไร อย่างไรก็ดี หากกฎหมายเปิดทางให้สามารถปลูกได้อย่างถูกต้องแล้ว กรมก็จะพิจารณาอนุญาตให้เกษตรกรไร่ยาสูบได้รับการปลูกเป็นกลุ่มแรก ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวจะปลดล็อกกัญชง กัญชา อนุญาตให้นำมาใช้เชิงพาณิชย์ เช่น เป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มบำรุงกำลังนั้น ในต่างประเทศก็มีตัวอย่างสามารถทำได้ อย่างไรก็ดี จะต้องรอดูกฎหมายในประเทศไทยอีกครั้งว่าจะทำได้เต็มรูปแบบหรือไม่อย่างไร กรมจึงจะสามารถนำมาคำนวณการคิดอัตราภาษีได้

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2564 จะลดลงจากเดิม แต่กรมจะพยายามเก็บภาษีให้ใกล้เคียงมากที่สุด โดยหากเทียบกับเอกสารงบประมาณก็จะเก็บรายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากในช่วงนั้นมีการคำนวณการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ไว้ค่อนข้างสูง แต่ขณะนี้ตัวเลขทางเศรษฐกิจปรับลงมา การจัดเก็บรายได้ก็จะสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ


โดยล่าสุด การจัดเก็บรายได้ของกรมลดลงมาเพียง 2-3% เนื่องจากกรมพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ซึ่งหมวดภาษีที่เก็บได้สูงที่สุดคืออัตราภาษีรถยนต์ ที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากช่วงสิ้นปีที่ผ่านมามีการจัดงานมอเตอร์โชว์ มีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย และภาษีเบียร์ ที่พฤติกรรมของประชาชนเรียนรู้จากการล็อกดาวน์ครั้งที่ผ่านมา จึงมีการซื้อตุนไว้