13 หุ้นอิง “กัญชง” บวกยกแผง โบรกเตือน “ราคาเริ่มแพง-ดูจังหวะลงทุน”

กัญชง

โบรกฯชี้ 13 หุ้นกอดคอบวกรับอานิสงส์กัญชง “บล.เอเซีย พลัส” ประเมินธุรกิจยังต้องใช้เวลาอีก 3-4 เดือน “ปลูก-สกัด” น้ำมันกัญชงก่อนคลอดโปรดักต์ขายจริง เตือนหุ้นในกลุ่มเริ่มแพง P/E เฉียด 30 เท่า ฟาก “บล.กสิกรไทย” เผยตลาดกัญชงเติบโตค่อนข้างแรงในต่างประเทศ ส่วนในประเทศคาดไตรมาส 4 ใช้ผลผลิตได้จริง

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2564 ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัสได้เข้าร่วมประชุม “อย. (องค์การอาหารและยา) พบนักวิเคราะห์ update ประเด็นความคืบหน้าอุตสาหกรรมกัญชง” หลังจากที่เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 กฎกระทรวงกัญชงฉบับใหม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เปิดให้คนไทย ทั้งเกษตรกรและประชาชนทั่วไปสามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้

อย่างไรก็ดี ในภาพรวมอุตสาหกรรมกัญชงของไทยในปัจจุบัน ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า ธุรกิจต้นน้ำ (ผู้ปลูก) และธุรกิจกลางน้ำ (โรงสกัด) ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง และยังเผชิญปัญหาอุปทาน (supply) ที่ยังขาดแคลน ตรงข้ามธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งได้แก่ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ต้องการนำกัญชงไปเป็นส่วนประกอบ หรือส่วนผสม กลับมีความต้องการใช้ (demand) ที่สูงมาก

เมื่อพิจารณารายธุรกิจ หุ้นธุรกิจปลายน้ำที่มีความเป็นไปได้ เช่น 1.กลุ่มอาหาร ได้แก่ บมจ.เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) และ บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF) 2.กลุ่มเครื่องดื่ม ได้แก่ บมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) บมจ.โอสถสภา (OSP) และ บมจ.มาลีกรุ๊ป (MALEE)

3.กลุ่มสปา ได้แก่ บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) 4.กลุ่มเครื่องสำอาง ได้แก่ บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) บมจ.คาร์มาร์ท (KAMART) และ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) และ 5.กลุ่มอาหารเสริม ได้แก่ บมจ.อาร์เอส (RS) บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) และ บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA)

“ปัจจุบันแม้ อย.อนุญาตให้มีการใช้เมล็ดและน้ำมันจากเมล็ดเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง และอาหารได้แล้ว แต่ข้อสำคัญอยู่ที่การนำสาร CBD หรือสารที่ทำให้ผ่อนคลาย บรรเทาความเจ็บปวด ฯลฯ มาใช้ ซึ่งคาดว่าการเพาะปลูกจะเกิดขึ้นจริงช่วงเดือน มี.ค. และ เม.ย.ตามลำดับ” นายชาญชัยกล่าว

นายชาญชัยกล่าวอีกว่า จากระยะเวลาการดำเนินการข้างต้น จึงแนะนำว่าการลงทุนในหุ้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับกัญชง ควรเป็นการลงทุนในระยะกลางถึงยาว เนื่องจากคาดว่าผลผลิตจากกัญชงจะกินระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3-4 เดือน อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นหลายบริษัทตอบรับไปมากพอสมควรแล้ว โดยปรับขึ้นมากกว่า 10% ดังนั้น การลงทุนจะต้องเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง

ทั้งนี้ บล.เอเซีย พลัส เลือก SAPPE เป็นหุ้นเด่นน่าลงทุน เนื่องจากมูลค่า (valuation) ยังปรับขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน โดยราคาหุ้นต่อกำไร (ค่า P/E) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีกลุ่มอาหาร (SET food) ที่อยู่ที่ 26.7 เท่า อีกทั้งคาดการณ์กำไรไตรมาส 4/63 ต่อเนื่องมายังไตรมาส 2/64 จะฟื้นตัวทั้งไตรมาสต่อไตรมาส (QOQ) และปีต่อปี (YOY) แนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท

ขณะที่นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ อย.เปิดให้ขออนุญาตประกอบธุรกิจกัญชง เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า บจ.ในตลาดหุ้นไทยกว่า 10 บริษัท แสดงความสนใจในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ดี ระยะเวลาการเพาะปลูกอยู่ที่ 4-5 เดือน จึงคาดว่าจะสามารถเก็บผลผลิตมาสกัดน้ำมัน CBD ได้จริงในช่วงไตรมาส 4 ปี 2564

“ต่างประเทศมีการนำกัญชงมาใช้ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่าการเติบโตของตลาดกัญชงค่อนข้างโตแรงมาก แต่ฐานก็ยังต่ำอยู่ เช่น เครื่องดื่มกัญชงยังมีสัดส่วนไม่ถึง 0.1% ของตลาดเครื่องดื่มทั้งหมด แต่ด้วยพัฒนาการที่มีการเติบโตเร็ว เราจึงมีมุมมองเชิงบวกอ่อน ๆ โดยแนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ RBF และ CBG (บมจ.คาราบาวกรุ๊ป)” นายสรพลกล่าว