“TQM” รุกธุรกิจใหม่ตั้งบริษัท “อีซี่เลนดิ้ง” ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล

“TQM” ตั้งบริษัท “อีซี่ เลนดิ้ง” รุกธุรกิจใหม่ ปล่อยสินเชื่อบุคคลเพื่อซื้อประกันภัย-สินเชื่ออเนกประสงค์ เน้นวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท ล่าสุด อยู่ระหว่างขอไลเซนส์จาก ธปท. ตั้งเป้าปี’64 โกยเบี้ยประกันรวมแตะ 2.5 หมื่นล้านบาท ปักธงอีก 5 ปีมีเบี้ยรวม 5 หมื่นล้านบาท โตปีละ 15% เปิดกำไรปี’63 ที่ 702 ล้านบาท โต 38.4% เคาะจ่ายปันผล 1.15 บาทต่อหุ้น

นางสาวสมพร อำไพสุทธิพงษ์ ประธานบริหารบัญชีการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TQM เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อบุคคลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่บริษัทได้มีการลงทุนจัดตั้งบริษัท อีซี่ เลนดิ้ง จำกัด

เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อบุคคลเพื่อซื้อประกันภัยและสินเชื่อบุคคลอเนกประสงค์ โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแล้ว เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา

“คาดว่ากระบวนการพิจารณาของ ธปท. จะใช้เวลา 3-4 เดือน จากนั้นก็สามารถเริ่มปล่อยกู้ได้เลย ซึ่งบริษัทจะเน้นปล่อยกู้ไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อราย”

ขณะที่แผนการเพิ่มรายได้หลักของบริษัทในปีนี้ จะเป็นการควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรรวม 3 บริษัท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัย อย่างเช่น การลงทุนในหุ้นบริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (TQR) บริษัทนายหน้ารับประกันภัยต่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการขออนุมัติจากบอร์ดและผู้ถือหุ้น เพื่อเข้าไปลงทุนเพิ่มเติม จากเดิมที่ผู้บริหารทีคิวเอ็ม 2 ราย ได้ลงทุนถือหุ้นไปส่วนหนึ่งแล้ว

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนในกัมพูชา นางสาวสมพรกล่าวว่า ขณะนี้ได้ผู้ที่จะมานั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการขออนุมัติสินค้าที่จะวางขายจากหน่วยงานกำกับดูแลของกัมพูชา ซึ่งรูปแบบการขายจะร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น

นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท TQM กล่าวว่า นโยบายการร่วมลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการของบริษัทจะหมุนเสริมและผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทมีอัตราการเติบโตปีละ 15% และเพื่อเป้าหมายเบี้ยประกันรับรวม 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569

นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQM กล่าวว่า ในปี 2564 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาจากเบี้ยรวมในบริษัท TQM จำนวน 17,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.84% และที่เหลือราว 10,000 ล้านบาท จากผลงานเบี้ยประกันของบริษัทที่ทำดีล M&A และเบี้ยรวมจากธุรกิจต่างประเทศด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขยายช่องทางลูกค้าองค์กรผ่านกลยุทธ์การขายข้ามผลิตภัณฑ์ (cross-selling) กับคู่ค้าองค์กรพันธมิตร โดยตั้งเป้าภายใน 10 เดือนแรกปีนี้จะมีเบี้ยใหม่เข้ามาได้ราว 150 ล้านบาท โดยพัฒนาโปรดักต์ใหม่ ๆ ร่วมกับทาง TQR และทำตลาดจับลูกค้า 20 กลุ่ม 20 ผลิตภัณฑ์

ซึ่งจะออกมาเป็นซีรีส์ แยกเป็นแต่ละเซ็กเมนต์และแต่ละพื้นที่ โดยจะเริ่มต้นจากประกันรถยนต์ ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนการขาย

นางนภัสนันท์กล่าวด้วยว่า สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 2.34 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 38.5% มีรายได้รวม3,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.17% แบ่งเป็นรายได้จากการให้บริการ 3,083 ล้านบาท

และรายได้ดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากเงินลงทุน 53.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีลงทุนในหุ้นกรุงเทพประกันภัย, กลุ่มอาคเนย์ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2564 บอร์ดได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสด 1.15 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดจ่ายวันที่ 14 พ.ค. 2564