ธปท.เผยธุรกิจนอกภาคการผลิตใช้นโยบายปลดคนงานเพิ่มประคองตัว

ธปท.เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจจากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ชี้ภาพรวมปรับดีขึ้นจากเดือน ม.ค.ตามมาตรการผ่อนคลาย-ภาคการค้ารับอานิสงส์มาตรการรัฐพยุงกำลังซื้อ เผยธุรกิจนอกภาคการผลิตใช้นโยบายปลดคนงานเพิ่มเพื่อประคองธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเร็ว

วันที่ 1 มี.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) เฉพาะกิจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 พบว่า ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ และปรับโซนพื้นที่ควบคุมใหม่ โดยภาคการค้าได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากมาตรการของรัฐช่วยพยุงกำลังซื้อ และภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณปรับดีขึ้นจากผลของวันหยุดยาว

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อโดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ โดยภาคการผลิตกำลังซื้ออยู่ที่ระดับ 51.6% หรือหดตัว -9.0% จากเดือนก่อน เช่นเดียวกับนอกภาคการผลิตอยู่ที่ 56.9% หรือหดตัว -7.00% จากเดือนก่อน

ทั้งนี้ ระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ และปรับโซนพื้นที่ควบคุมให้ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้กิจกรรมบางส่วนที่หยุดชะงักทยอยกลับมา ทำให้ให้ระดับการจ้างงานและรายได้ของแรงงานในธุรกิจส่วนใหญ่ทยอยปรับดีขึ้น ทั้งจำนวนแรงงาน ชั่วโมงแรงงาน และรายได้เฉลี่ยต่อคน นอกจากนี้ การใช้นโยบายปรับเปลี่ยนการจ้างงานลดลงจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนอกภาคการผลิตมีแนวโน้มใช้นโยบายปลดคนงานเพิ่มขึ้นเพื่อประคับประคองธุรกิจ

อย่างไรก็ดี ธุรกิจส่วนใหญ่คาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะใกล้เคียงหรือน้อยกว่าระลอกก่อนเล็กน้อย อีกทั้งยังปรับตัวได้ค่อนข้างมากและดีขึ้นจากเดือนก่อน ยกเว้นภาคท่องเที่ยวและภาคการค้าที่มองว่าผลกระทบจะรุนแรงกว่าระลอกก่อนสัดส่วนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินในเดือนมกราคม เนื่องจากจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยยังยืดเยื้อ และธุรกิจคาดว่าการท่องเที่ยวจะยังไม่ฟื้นตัวในระยะอันใกล้