หุ้นไทยเช้านี้ฟื้นตัวกรอบ 1,490-1,515 จุด รับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐคืบหน้า

คาดดัชนีหลักทรัพย์ไทย (SET) เช้านี้ฟื้นตัวอิงทางบวกระหว่าง 1,490 – 1,515 จุด อานิสงส์คืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์-ตลาดคลายกังวลบอนด์ยีลด์สหรัฐหยุดพุ่ง แต่ระวังแรงกดดันเชิงลบจากโควิดระบาดใหม่ในโรงงานชำแหละเนื้อสุกร จ.ปทุมธานี

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ (2 มี.ค. 2564) ว่า คาดดัชนีหลักทรัพย์ไทย (SET) เช้านี้ฟื้นตัวอิงทางบวกระหว่าง 1,490 – 1,515 จุด โดยได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากทั้งความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มคลายความกังวล หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี เริ่มหยุดแนวโน้มการพุ่งขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ 1.43% ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุด 1.61% จากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลลงบางส่วน และกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

“โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี มักถูกใช้เป็นตัวอ้างอิงในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยออกพันธบัตรและหุ้นกู้ ซึ่งแนวโน้มการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ จะส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของทั้งบริษัทเอกชนและการบริโภคในระยะกลาง-ยาว ซึ่งหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดี จะกระทบเชิงลบต่อตลาดหุ้น”

ปัจจัยบวกดังกล่าวอาจผลักดันตลาดหุ้นไทยได้ในกรอบจำกัด ขณะที่ไทยพบกลุ่มก้อนการแพร่ระบาดโควิด-19 กลุ่มใหม่ในโรงงานชำแหละเนื้อสุกร จ.ปทุมธานี เบื้องต้นพบว่าผู้ติดเชื้อทั้ง 53 ราย เป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด แม้ไทยจะเริ่มฉีดวัดซีนไปบ้างแล้ว แต่ด้วยวัคซีน Sinovac ที่ได้รับมามีจำนวนไม่มาก และวัคซีนได้ถูกนำส่งไป จ.ปทุมธานี เพียง 8,000 โดส อีกทั้งไทม์ไลน์จะเริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน ทางฝ่ายวิจัยจึงมองว่าต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

อีกทั้งตลาดยังรอจับตาการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เพื่อผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนในตลาดบอนด์ โดยหนึ่งในกระบวนการที่เฟดอาจนำกลับมาใช้คือ Operation Twist โดยการขายพันธบัตรระยะสั้นและเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวพร้อมกันในจำนวนเงินเท่ากัน ซึ่งเคยดำเนินการไปแล้วในช่วงปี 2554 ทำให้การประชุม FOMC ครั้งถัดไประหว่างวันที่ 16-17 มี.ค. 2564 เป็นที่น่าจับตามากขึ้น

ด้านประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐ คาดมาตรการกระตุ้นฯ สหรัฐจะพิจารณาเสร็จสิ้นภายใน 15 มี.ค. 2564 เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานชุดเก่าจะหมดอายุลงในวันที่ 15 มี.ค. และกระบวนการผ่านร่างกฎหมายมาตรการกระตุ้นฯ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็สามารถทำผ่าน Budget Reconciliation ซึ่งทำให้การลงมติใช้คะแนนเสียงจาก ส.ว. เพียงครึ่งเดียวได้ แต่พรรคเดโมแครต (Democat) ที่มีจำนวน ส.ว. เพียง 50 คน จากทั้งหมด 100 คน จึงห้ามเสียงแตกแถวแม้แต่คะแนนเสียงเดียว