หุ้นไทยเจอแรงขายทำกำไรลดความร้อนแรงหลังดีดตัว +40 จุด

หุ้น ค่าเงิน

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เจอแรงขายทำกำไรลดความร้อนแรงหลังวานนี้ดัชนีดีดตัว 40 จุด คาดแกว่งตัวระหว่าง 1,520-1,540 จุด สัญญาณบอนด์ยีลด์สหรัฐเริ่มดีดตัวกลับกดดันตลาดหุ้นโลก ล่าสุดตลาดหุ้นสหรัฐ NASDAQ ร่วง 2.7%

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (4 มี.ค. 2564) ว่า คาดเช้านี้มีโอกาสสูงที่จะเผชิญแรงขายทำกำไรเพื่อลดความร้อนแรงของตลาดหุ้นไทยลงบางส่วน หลังจากการดีดตัวขึ้นเพียงวันเดียวราว 40 จุดในวานนี้ ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เมื่อเดือน พ.ย. 2563 ที่ผ่านมา ประกอบกับความกังวลของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี เริ่มกลับเข้ามาปกคลุมตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง ในภาพรวมจึงคาด SET INDEX เช้านี้จะทิ้งตัวลงมาซื้อขายบริเวณ 1,520 – 1,540 จุด

โดยวานนี้บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปี เริ่มดีดตัวกลับไปแตะระดับผลตอบแทนที่ 1.496% ทำให้ตลาดหุ้นในสหรัฐปรับตัวลง โดยที่ปรับตัวลงมากที่สุดคือดัชนี NASDAQ ที่ร่วงหล่นไปกว่า 2.70% ขณะที่ Dow Jones และ S&P500 ปรับตัวลงเพียง 0.39% และ 1.31% ตามลำาดับ สะท้อนว่าอาจเกิดการเวียนกลุ่มจากหุ้นในกลุ่ม Growth Stock เข้าไปสู่หุ้นในกลุ่ม Value Stock ที่ดูน่าดึงดูดใจและมีอัพไซต์ที่ชัดเจนกว่าหากเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัว ทางฝ่ายวิจัยคาดตลาดหุ้นไทยจะมีแนวโน้มเวียนกลุ่มในลักษณะนี้เช่นกัน

ทั้งนี้หวังประชุม OPEC+ ช่วยชีวิตราคาน้ำมันดิบโลก ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ WTI spot กลับมายืนเหนือระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีกครั้ง แม้ว่าตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ก่อนจะพุ่งสูงขึ้นมากถึง 21.5 ล้านบาร์เรล ผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้มากว่าสต๊อกจะลดลง 0.93 ล้านบาร์เรล

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบโลกมาจากที่สำนักข่าว Reuters รายงานว่าการประชุม OPEC+ ในวันนี้ มีแนวโน้มจะคงกำลังการผลิตน้ำมันดิบของเดือน เม.ย.นี้ ไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกยังคงเปราะบาง นั่นหมายความว่าอุปทานน้ำมันดิบโลกจะยังไม่เพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้

ด้านไทยแม้ได้วัคซีนแล้วแต่ยังต้องระวังตัว ล่าสุด ศบค.เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เชื่อมโยงกับ จ.ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อจำนวน 676 คน ได้กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แล้วกว่า 13 จังหวัด และอาจนำไปสู่การติดเชื้อภายในครอบครัวและผู้ใกล้ชิด ทำให้ตอนนี้พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น 1,055 ราย ขณะที่เริ่มมีข่าวเกี่ยวกับอาการหลังการฉีดวัคซีน COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ามี 1 ราย ที่มีผลข้างเคียงรุนแรง แต่ สธ.ยังไม่ยืนยัน ต้องรอผลการตรวจสอบก่อนว่ามาจากวัคซีนจริง ๆ หรือไม่