บอร์ด “เอ็มบีเค” เคาะงดจ่ายเงินปันผลปี’63 เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน จากผลกระทบโควิด-19 พร้อมอนุมัติจัดสรรเงินกําไรสุทธิเป็นทุนสํารองตามกฎหมายในอัตรา 5% ของกําไรสุทธิ เตรียมชงประชุมผู้ถือหุ้น 21 เม.ย.64
วันที่ 4 มีนาคม 2564 นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อํานวยการ บริษัท เอ็มบีเค จํากัด (มหาชน) หรือ MBK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564 เห็นควรให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 21 เม.ย.2564 พิจารณารายละเอียดสำคัญ ๆ ดังนี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
1.อนุมัติการจัดสรรเงินกําไรสุทธิปี 2563 เป็นทุนสํารองตามกฎหมายในอัตรา 5% ของกําไรสุทธิจํานวน 26.28 ล้านบาท จนกว่าบริษัทฯ มีทุนสํารองตามกฎหมายคิดเป็น 10% ของทุนจดทะเบียนตามที่กฎหมายกําหนดแล้ว
2.พิจารณางดจ่ายเงินปันผลปี 2563 เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
3.อนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 2,263 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จํานวน 1,763 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่รองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอํานาจทั่วไป (GeneralMandate) จํานวน 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็น 29.40% ของทุนชําระแล้วเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของผู้ถือหุ้น
4.อนุมัติการออกใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (MBK-W2) จํานวนไม่เกิน 70,508,797 หน่วย เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 25 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วย ใบสําคัญแสดงสิทธิ
5.อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 1,763 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจํานวน 1,835 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญที่ออกใหม่ จํานวนไม่เกิน 72,514,674 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (MBK-W2) และรองรับการปรับสิทธิของใบสําคัญแสดงสิทธิ MBK-W1
6.อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท แบบมอบอํานาจทั่วไป (GeneralMandate) จากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 1,835 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนจํานวน 2,335 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท