คนละครึ่งเฟส 3 มาแน่ คู่ขนานลงทะเบียน เติมเงินบัตรคนจน

สุพัฒนพงษ์ เล็งกระตุ้นศก.ในประเทศต่อจาก “ม33เรารักกัน” ทั้ง “คนละครึ่งเฟสสาม” – ลงทะเบียนเก็บตก “บัตรคนจน” เติมเงินใส่กระเป๋าถึงมือประชาชนโดยตรง-ไม่ผ่านหน่วยงานราชการ จ่อคนละครึ่งเฟสสาม-ลงทะเบียนเก็บตกบัตรคนจน

วันที่ 5 มีนาคม 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ว่า “อาจจะต้องมี” อาทิ มาตรการ “คนละครึ่งเฟสสาม” ซึ่งยังมีงบประมาณจากเงินกู้ 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดีเร็ว ๆ นี้ เงินจากมาตรา “ม33เรารักกัน” จะโอนเข้าแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ในวันที่ 22 มี.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ

“ยังมีเงินอีก 2 แสนล้านบาท ไม่ได้บอกว่าจะเลิก ใช้ (คนละครึ่งเฟสสอง) ให้หมดก่อน เดี๋ยวมีโครงการ ม33เรารักกัน ใช้กันอีก หลังเดือนพฤษภาคม คงจะมีอะไรเพิ่มเติม ติดตามอยู่เรื่อย ๆ ไม่ต้องห่วง เมนูผมไม่เยอะ ก็จะ repeat (ทำซ้ำ) เหมือนดู matrix 4 ตอนรวด”

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ต้องให้เห็น Benefic ของมันว่าไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเยียวยา เพราะอีกหน่อยการบริหารจัดการเรื่องงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชน มีวิธีการไปช่วยตรง ไม่ต้องไปอ้อมผ่านหน่วยงาน ซึ่งทำให้มีความไม่แน่ชัด ไม่แน่ใจ

แม้กระทั่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กระบวนการคัดเลือกยังไม่สมบูรณ์ เพราะยังมีคนที่ตกหล่นพอสมควร สะท้อนได้จากคนที่มารับ “บัตรพิเศษ” หรือ ใช้บัตรประชาชนทำให้ต้องหาทางแก้ไขนำไปสู่การลงทะเบียนระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป

ปลดล็อกอุปสรรคทำธุรกิจ-ลดภาษีนิติบุคคลดึงดูดนักลงทุน

นายสุพัฒนพงษ์ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการหามาตรการดึงดูดนักลงทุนของทีมปฏิบัติการเชิงรุก ที่มีม.ล.ชโยทิต กฤษดากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ขณะนี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ตัดขั้นตอน กฎ ระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจออกไป 1 พันกว่าขั้นตอน (กีโยติน) เพื่อให้ความสำคัญกับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Doing Business)

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ทีมปฏิบัติการเชิงรุกจะนำเสนอการลดและตัดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการทำธุรกิจในเรื่องสำคัญ ๆ ซึ่งทำอยู่แล้วให้ดีและรวดรวดยิ่งขึ้น เช่น การตรวจคนเข้าเมือง (Immigration) การขอวีซ่า (visa) ใบอนุญาตทำงาน (work permit) พิธีศุลกากร การออกวีซ่าเร็วขึ้น และไม่ต้องมารายงานตัว เพราะประเทศอื่นเปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงเซกเตอร์ใหม่ ๆ

เช่น การมาตั้งออฟฟิศต้องจ้างคนไทย 4 คน หรือ กฎระเบียบในการเพิ่มทุน นอกจากนี้ต้องปรับกฎเกณฑ์ ปรับอัตราดอกเบี้ย ปรับลดอัตราภาษีให้แข่งขันได้กับประเทศสิงค์โปร ฮ่องกง มาเลเซีย เวียดนาม หรือ ประเทศที่เป็นคู่แข่ง เช่น ธุรกิจที่จะมาตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (IHO) ในไทย

เข็นท่องเที่ยว 1.5 แสนล้าน ดันจีดีพีโต 4 %

นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจในปี 64 จะเปลี่ยนจากการประคับประคองไปสู่การปฏิบัติการเชิงรุก สร้างฐานให้แข็งแกร่งในปี 65 โดยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 64 ให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย 4 % โดยเร่งการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การส่งออกในตลาดใหม่ ๆ การเบิกจ่ายภาครัฐ ดูในรายละเอียดทุกเม็ด

“ปี 62 คนไทยเที่ยว 1 ล้านล้านบาท ปี 63 คนไทยเที่ยวเพียง 6-7 แสนล้านบาท ไม่นับที่ไปต่างประเทศ 3-4 แสนล้านบาท ถ้าจะโต 1 % ขอ 1.5 แสนล้านบาทเท่านั้น”นายสุพัฒนพงษ์ทิ้งท้าย