ส่องแนวโน้มราคา 5 หุ้นใหญ่ หลัง IPO “เมย์แบงก์ฯ” ชี้ช่องเข้าซื้อ/ทำกำไร

กราฟราคาหุ้น

เป็นธรรมดาที่หุ้น IPO (หุ้นที่ซื้อขายเป็นครั้งแรกต่อประชาชนทั่วไป) ที่มีขนาดใหญ่มักได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุน แต่ราคาจะไปทางไหนนั้น ก็ขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบหุ้นแต่ละตัว

โดยจากการรวบรวมความเคลื่อนไหวด้านราคาของหลักทรัพย์ 5 บริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงปี 2563-2564 ได้แก่ 1.บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) 2.บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) 3.บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) 4.บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) และ 5.บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR)

พบว่าส่วนใหญ่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับราคา IPO (ณ 4 มี.ค. 2564) โดย SCGP ราคาปรับขึ้น 33.57%, KEX เพิ่มขึ้น 91.96%, OR เพิ่มขึ้น 65.28% และ STGT เพิ่มขึ้น 16.91% มีเพียง CRC ตัวเดียวที่ราคาลดลง -12.50% (ดูตาราง)

“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า หุ้น CRC ที่ราคาลดลง เนื่องจากเจอผลกระทบโควิด-19 ทำให้สัญญาณการฟื้นตัวยังไม่มา

ซึ่งฝ่ายวิจัยแนะนำเล่นในกรอบราคาโซน 30 บาท ในธีมวัคซีน (vaccine play) เพราะช่วงนี้เป็นภาพการสร้างฐาน แม้ภาคการบริโภคยังไม่กลับมาเร็วนัก โดยเฉพาะหุ้นค้าปลีกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากภาครัฐเน้นกระตุ้นบริโภคผ่านร้านค้าดั้งเดิม (traditional trade) เป็นหลัก

“แต่ประเมินโมเมนตัมกำไร CRC ก็น่าจะดูดีขึ้นตามกลุ่มค้าปลีก ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นค่อย ๆ ฟื้นตัว โดยเฉพาะครึ่งปีหลังหากมีการเปิดเมือง (reopening) สัญญาณจะดีขึ้นได้โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2-3 คาดการณ์กำไรน่าจะฟื้นตัวดีพอสมควรจากฐานต่ำปีที่แล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าลงทุนไปก่อนอยู่ในโซนตั้งรับแถว ๆ 30 บาทต้น ๆ”

ขณะที่หุ้น SCGP ช่วงนี้อาจมีจังหวะปรับฐานลงมาหลังทำ all time high (หุ้นที่มีการทำราคาสูงสุดในรอบปี) ไปก่อนนี้ แต่ด้วยภาพธุรกิจเป็นลักษณะ global play(หุ้นกลุ่มที่ผลประกอบการขึ้นกับเศรษฐกิจโลก) หรือเบอร์หนึ่งด้านบรรจุภัณฑ์ในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประกอบกับหากมองสัญญาณภาคการบริโภคในต่างประเทศยังค่อนข้างดีขึ้น ทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ล้อไปกับเศรษฐกิจโลกจะดีกว่าธุรกิจในประเทศ ดังนั้น แนวโน้มกำไรของ SCGP ยังดูดี และในไตรมาส 1 นี้น่าจะเกิดสัญญาณอัตรากำไรขยายตัว(margin expansion) จากต้นทุนปรับขึ้นน้อยกว่าราคาขาย

“SCGP อาจต้องรอจังหวะในการย่อตัวตั้งรับแถว ๆ บริเวณราคา 45 บาท โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 คาดอยู่ที่ 8,584 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 51 บาท”

ต่อมาหุ้น KEX “วิจิตร” วิเคราะห์ว่า ธุรกิจของ KEX ยังโตได้เพราะเป็นอีคอมเมิร์ซ เพียงแต่จะมีผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามาแข่ง ดังนั้น ข้อเสียคือวอลุ่มโตแต่มาร์จิ้นจะหด เพราะจะเข้าสู่ภาวะกดราคาขาย เห็นสงครามราคาในช่วงสั้น โดยคู่แข่งสำคัญคือ “แฟลชเอ็กซ์เพรส” (flash express) ที่ทำราคาได้รุนแรง

“ข้อดีคือ ตลาดนี้เค้กยังก้อนใหญ่มาก ยังไม่ใช่ตลาด red ocean (ตลาดที่มีคู่แข่งหลายราย) และเชื่อว่า KEX จะรักษามาร์เก็ตแชร์เบอร์ 1 ต่อไปได้ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 1,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน ให้ราคาเป้าหมาย 57.25 บาท ซึ่งด้วยภาพแบบนี้ต่อรองราคาลงมาเล็กน้อยได้ ย่อตั้งรับบริเวณ 50 บาทต้น ๆ”

ส่วนหุ้น OR ที่เข้าเทรดอย่างคึกคักในช่วงแรก เนื่องจากเป็นธุรกิจรีเทล (oil และ nonoil) สัดส่วนหลักคือ ธุรกิจน้ำมัน (oil) ซึ่งสัญญาณช่วงสั้นวอลุ่มอาจจะดีขึ้นจากโมเมนตัมคนใช้น้ำมันมากขึ้น ส่วนค่าการตลาดมีลุ้นจากภาพรวมราคาน้ำมันค่อย ๆ ปรับตัวขึ้นทำให้การขยับราคาขายหน้าปั๊มจะค่อย ๆ ขยับขึ้นได้ ขณะที่ธุรกิจ nonoil ที่คิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของรายได้มีโอกาสเติบโตมาร์จิ้นสูงกว่า oil ค่อนข้างมาก ส่งผลให้ศักยภาพในการโตสูง

“หลายโบรกฯให้กรอบกำไรสุทธิปี 2564 ของ OR อยู่ระหว่าง 11,000-12,000 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น (EPS) เกือบ 1 บาท ซึ่งปัจจุบันเทรด P/E ที่ระดับ 30 เท่า ทำให้ช่วงสั้นราคายังถือว่าค่อนข้างแพง ถ้าอยากจะเล่นให้ตั้งรับรอราคาต่ำลงมาบริเวณ 25-27 บาท เพราะเชื่อว่าในช่วงถัดไปโอกาสโตค่อนข้างเห็นชัดจากการขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจต่าง ๆ เพิ่มขึ้น”

ส่วนหุ้น STGT แนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/2564 นี้จะค่อนข้างแข็งแกร่งต่อเนื่องเพราะวอลุ่มยังแน่น และเชื่อว่าราคาขายยังขยับขึ้นได้โดยคาดการณ์กำไรปีนี้ยังโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ดาวน์ไซซ์จะจำกัดเพราะกำไรสูงมาก ตอนนี้เทรด P/E ไม่ถึง 5 เท่า จ่ายปันผลประมาณ 10% ต่อปี

“ช่วงถัดไปการใช้ถุงมือยางอาจจะลดลง กดดันราคาขายให้ต่ำลงได้ภาพแบบนี้ประเมินว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565-2566 ซึ่งนักลงทุนจะไม่กล้าเล่นดังนั้น แนะนำเล่นแบบเทรดดิ้งในกรอบ37-42 บาท หรือใกล้ ๆ 37 บาท

ตัดสินใจซื้อได้แม้ว่ากำไรจะโตมาก แต่ตลาดจะเริ่มระมัดระวังในการเล่น ยิ่งล่าสุดวัคซีนลอตแรกถึงไทย จึงมองเป็นธีมevent play (การเล่นตามเหตุการณ์) เท่านั้น ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2564 ของ STGT อยู่ที่ 25,178 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 75% จากปีก่อน ราคาเป้าหมายในเชิงปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 50 บาท”

ไม่ว่าจะเลือกลงทุนหุ้นตัวใดก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ รวมถึงติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ก่อนตัดสินใจลงทุน