เมืองไทย เปิดตัวระบบ EDC Pooling ให้บริการชำระเบี้ยประกันเจ้าแรกในไทย

เมืองไทย จับมือ พันธมิตรแบงก์ “กสิกร-กรุงศรีฯ” เปิดตัวใช้ระบบ EDC Pooling เครื่องรูดบัตรเครื่องเดียวสำหรับผ่อนชำระค่าเบี้ยประกัน 0% หวังช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านการชำระเงินของบริษัทให้คล่องตัว คาดไตรมาส 2/64 เพิ่มพาร์ตเนอร์แบงก์อีก 4 แห่ง

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ mtl เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว “นวัตกรรมระบบ EDC Pooling” การให้บริการรูปแบบใหม่แก่ลูกค้าสำหรับการชำระเบี้ยประกันชีวิต โดยจับมือกับธนาคารชั้นนำ

ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา นำร่องให้บริการลูกค้าสามารถชำระเงินค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทฯ ด้วยเครื่องรูดบัตรเครดิต EDC (Electronic Data Capture) เพียงเครื่องเดียว แทนรูปแบบเดิมที่ต้องมีเครื่องรูดบัตร EDC โดยเฉพาะสำหรับบัตรเครดิตของแต่ละสถาบันการเงิน การเปิดให้บริการดังกล่าวของบริษัทถือเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกใน ประเทศไทยที่เปิดให้บริการ

ทั้งนี้ การให้บริการดังกล่าวนั้น บริษัทมุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ใช้บริการ พร้อมทั้งช่วยป้องกันความเสี่ยงในการทำธุรกรรมให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งในระยะแรกเริ่มจะเปิดให้บริการ ณ ศูนย์บริการลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ สำนักงานสาขาภูมิภาคทั้ง 3 สาขา ได้แก่ สำนักงานสาขาภูมิภาคเชียงใหม่ สำนักงานสาขาภูมิภาคขอนแก่น และสำนักงานสาขาภูมิภาคหาดใหญ่ โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป

พร้อมมีแผนที่จะขยายพื้นที่ให้บริการไปยังศูนย์บริการลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ ภายในไตรมาส 2/64 และคาดว่าภายในสิ้นปี 2564 จะมีพันธมิตรธนาคารเข้าร่วมให้บริการ EDC Pooling เพิ่มขึ้น ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารทหารไทยธนชาต

นอกจากนี้ การเปิดให้บริการ EDC Pooling ยังเป็นการช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการด้านการชำระเงินของบริษัทฯ ให้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการลดจำนวนเครื่องรูดบัตร ที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เกินความจำเป็น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่ควบคู่กับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

“เรามั่นใจว่าบริการ EDC Pooling ที่เมืองไทยประกันชีวิตได้ร่วมกับธนาคารชั้นนำ จะสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการชำระเบี้ยประกันภัยได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย

แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ครบในทุกด้าน เพื่อตอกย้ำนโยบาย MTL Trusted Lifetime Partner รวมถึงเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ (Ecosystem Partner) ดูแลลูกค้าได้อย่างครอบคลุม และในอนาคตเรายังเตรียมขยายบริการดังกล่าวไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ” นายสาระ กล่าว

สำหรับลูกค้าที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ เมืองไทยประกันชีวิต  โทร.1766