เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่ง

เงินบาท ตลาดหุ้น ปันผล
แฟ้มภาพ

เงินบาทยังคงอ่อนค่า แต่หุ้นไทยขยับขึ้นมาใกล้แนว 1,600 จุด จับตาสัปดาห์หน้าสถานการณ์โควิดทั่วโลก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบจ.ไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่งที่ 31.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทอ่อนค่าลง สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับข่าวการผิดนัดชำระการเพิ่มเงินประกันของเฮดจ์ฟันด์รายหนึ่งในสหรัฐฯ ในช่วงต้นสัปดาห์

นอกจากนี้เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของปธน. โจ ไบเดน ขณะที่เงินบาทเผชิญแรงกดดันจากผลของการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติในช่วงก่อนสิ้นไตรมาส 1/64 ด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ (2 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.30 เทียบกับระดับ 31.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (26 มี.ค.)

baht-3apr

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (5-9 เม.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลก รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของ IMF ทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และถ้อยแถลงของประธานเฟด

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการเดือนมี.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,596.27 จุด เพิ่มขึ้น 1.36% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 80,882.75 ล้านบาท ลดลง 4.57% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 4.90% มาปิดที่ 472.02 จุด

set-3APR

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนสถาบันและต่างชาติท่ามกลางแรงหนุนจากการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบไตรมาส 1/64 ก่อนจะพักฐานช่วงสั้นๆ กลางสัปดาห์ โดยหุ้นไทยดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นต่างประเทศขานรับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ในระหว่างสัปดาห์ มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มการเงิน วัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยี ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขึ้นและผลการประชุมโอเปกพลัสที่จะเพิ่มกำลังการผลิตแบบค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (5-9 เม.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,585 และ 1,570 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,605 และ 1,620 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ทั่วโลก รวมถึงประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด 19 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ตลอดจนการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบจ.ไทย


ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ บันทึกการประชุมเฟด ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนมี.ค. ของจีน รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค. ของยูโรโซน จีนและญี่ปุ่น