แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหว 31.30-31.60 บาท/ดอลลาร์ จับตายอดผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่ง-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนบอนด์ยีลด์ขึ้น ดันดอลลาร์แข็งค่า คาดเงินบาทอ่อนค่าแตะระดับ 6 เดือนครั้งใหม่
วันที่ 11 เมษายน 2564 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (12-16 เมษายน 64) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.25-31.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบอ่อนค่า และมีความผันผวน เนื่องจากในสัปดาห์หน้าธุรกรรมค่อนข้างบาง และการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
นอกจากนี้ มองว่ามีโอกาสค่าเงินบาททะลุ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ เนื่องจากจะมีรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งหากมีการเร่งตัวสูงขึ้นจากระดับ 1.7% มาอยู่ที่ระดับ 2.5-2.6% อาจกระทบต่อผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวสูงขึ้น และความเชื่อมันผู้บริโภค หากออกมาดีเกินคาด จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น มีผลต่อสกุลเงินอื่นอ่อนค่า รวมถึงค่าเงินบาท
“กรอบเงินบาทเคลื่อนไหวไม่แตกต่างจากสัปดาห์ก่อน โดยยังคงผันผวนและอ่อนค่า และมีโอกาสทะลุ 31.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ หากตัวเลขต่าง ๆ ออกมาดีเกินคาด และในช่วงธุรกรรมบางในช่วงสงกรานต์ก็เป็นปัจจัยหนุนได้”
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ทิศทางค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.30-31.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทอาจอ่อนค่าต่อแตะระดับอ่อนสุดในรอบกว่า 6 เดือนครั้งใหม่ เนื่องจากปัจจัยการแพร่ระบาดจากสถานบันเทิงที่ยังไม่นิ่ง การตรวจหาเชื้ออาจพบข้อจำกัดในหลายโรงพยาบาลและการฉีดวัคซีนล่าช้า แม้ภาครัฐไม่ประกาศล็อกดาวน์ แต่ความเชื่อมั่นของภาคเอกชนถูกบั่นทอนลงในระยะสั้น
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายคาดว่าจะเบาบางลง เนื่องจากตลาดการเงินในประเทศเปิดทำการเพียง 2 วัน โดยช่วงกลางสัปดาห์หยุดเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่นักลงทุนให้ความสนใจ ได้แก่ เงินเฟ้อ และยอดค้าปลีก เดือนมีนาคมอาจมีผลต่อบอนด์ยีลด์และราคาทองคำรวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน