คนร. สั่งการเคหะฯ เร่งทำโครงการบ้านเช่า คนรายได้น้อย

บ้านจัดสรร
ภาพประกอบข่าวเท่านั้น

คนร. สั่งการเคหะฯ เร่งทำโครงการ “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านเช่าคนรายได้น้อย สร้างโอกาสให้ประชาชน

วันที่ 16 เมษายน 2564 นางปานทิพย์ ศรีพิมล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผย ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่ง คนร. ได้พิจารณาในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้

1. เห็นด้วยในหลักการที่การเคหะแห่งชาติ (กคช.) จัดทำโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย
“บ้านเคหะสุขประชา” โดยมีเป้าหมายที่จำนวน 100,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาค ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปีละ 20,000 หน่วย) ภายใต้แนวคิด “บ้านเคหะสุขประชา = บ้านพร้อมอาชีพ”

โดยมอบหมายให้ กคช. จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมในการดำเนินโครงการให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยให้มีการพิจารณานำการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน (PPP) มาใช้ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำเสนอแนวทางการดำเนินการให้ คนร. พิจารณาอีกครั้งต่อไป

2. รับทราบการดำเนินงานตามความเห็นและข้อเสนอแนะของ คนร. ในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ที่ได้มีความเห็นในเชิงนโยบายต่อการพัฒนารัฐวิสาหกิจในเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรและกระบวนการทำงาน โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทต่าง ๆ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID – 19

รวมทั้ง ให้เน้นการนำ BCG Model มาใช้ในการวางแผนดำเนินการ และให้ความสำคัญการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดย สคร. ได้นำความเห็นเชิงนโยบายข้างต้นไปปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ สำหรับรัฐวิสาหกิจใช้ในการวางแผนในปี 2565 ด้วยแล้ว

3. รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2562 ของบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจที่ปัจจุบันมีจำนวน 123 แห่ง โดยมีบริษัทในเครือที่มีผลกำไรจำนวน 71 แห่ง ขาดทุนจำนวน 25 แห่ง และอยู่ระหว่างยุบเลิก/ถอนการลงทุนจำนวน 27 แห่ง

โดย คนร. ได้มีนโยบายให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาความจำเป็นและกำกับดูแลบริษัทในเครือให้ดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ สร้างผลกำไรให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และมีผลตอบแทนให้แก่รัฐวิสาหกิจ สำหรับบริษัทในเครือที่ไม่จำเป็นต่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ก็ให้รัฐวิสาหกิจพิจารณายุติกิจการโดยเร็วต่อไป