กรมบัญชีกลาง ออกเกณฑ์เบิกเงินค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
วันที่ 22 เมษายน 2564 นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ตามที่กรมบัญชีกลางพัฒนาระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก โดยให้ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวใช้บัตรประชาชนยื่นใช้สิทธิที่สถานพยาบาลของทางราชการ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2561 เป็นต้นมานั้น กรมบัญชีกลางตรวจสอบพบว่า ผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวจำนวน 24 ราย มีพฤติกรรมใช้สิทธิระบบเบิกจ่ายตรงผิดปกติ
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
โดยพบว่าเป็นลักษณะเข้ารับบริการในสถานพยาบาลหลายแห่งระยะเวลาใกล้เคียงกัน หรือมีการเข้ารับบริการเกิน 3 สถานพยาบาลต่อเดือน ด้วยโรคเดียวกัน อีกทั้งได้รับยาประเภทเดียวกัน จนมีปริมาณยาสะสมจำนวนมาก คิดเป็นเงินจำนวน 15,808,631.70 บาท ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ระงับสิทธิของบุคคลดังกล่าวทุกรายโดยทันทีที่ตรวจสอบพบ อย่างไรก็ดี เพื่อควบคุมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง กรมบัญชีกลางจึงกำหนดหลักเกณฑ์กระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิและการเรียกคืนเงิน ดังนี้
ผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก ณ สถานพยาบาลของทางราชการแห่งเดียวหรือหลายแห่ง หรือได้รับยาประเภทเดียวกันจนมีปริมาณยาสะสมเป็นจำนวนมาก เกินขนาดที่ให้ผลการรักษาในแต่ละโรค (Therapeutic Dose) หรือเกินกว่าจำนวนที่กรมบัญชีกลางกำหนด ถือเป็นการใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อเบิกค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิ มีพฤติกรรมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงผิดปกติ
พร้อมกันนี้ กรมบัญชีกลาง จะดำเนินการระงับสิทธิการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระบบเบิกจ่ายตรงทันที และหากเข้าข่ายทุจริตหรือการกระทำความผิดทางอาญา หน่วยงานต้นสังกัดต้องดำเนินการทางวินัยหรือตามขั้นตอนของกฎหมายและเรียกคืนเงินจากผู้มีสิทธิส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน แต่หากข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าเป็นการทุจริต กรมบัญชีกลางจะอนุญาตให้สามารถใช้สิทธิในระบบเบิกจ่ายตรงประเภทผู้ป่วยนอก ณ สถานพยาบาลของทางราชการเพียง 1 แห่ง เพื่อเป็นการควบคุมพฤติกรรม
นายประภาศ กล่าวว่า สถานพยาบาลของทางราชการ เบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิหรือบุคคลในครอบครัวในระบบเบิกจ่ายตรง โดยไม่ปรากฏข้อมูลในเอกสารว่า มารับบริการจริง ส่วนราชการต้นสังกัดต้องดำเนินการตรวจสอบ หากปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติกรรมทุจริตโดยใช้ระบบเบิกจ่ายตรงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ส่วนราชการต้นสังกัดต้องดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ดังกล่าว และเรียกคืนเงินจากสถานพยาบาลของทางราชการแห่งนั้น
ส่วนราชการต้นสังกัดมีหน้าที่ติดตามเรียกคืนเงินที่เบิกเกินสิทธิจากผู้มีสิทธิ และนำเงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน หากไม่สามารถเรียกคืนเงิน ต้องมีการบังคับชำระหนี้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แล้วนำเงินส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
“หลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิและการเรียกคืนเงิน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02 127 7000 ต่อ 4366 หรือ Call center กรมบัญชีกลาง 02 270 6400 ในวัน เวลาราชการ” อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าว